สถานทูตสหรัฐฯ ปฏิเสธถอนการแจ้งเตือน ยันคำเตือนถูกต้อง

สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ปฏิเสธการถอนคำประกาศแจ้งเตือนการก่อการร้ายในไทย โดยยืนยันว่าเป็นคำเตือนที่ถูกต้อง แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะให้ รมว.กลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานไปแล้วก็ตาม

ภายหลังที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ให้ถอนคำเตือนการก่อการร้ายในไทย เนื่องจากทำให้เกิดการหวั่นวิตก และทำให้การท่องเที่ยวไทยเสียหาย ซึ่งทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ได้ให้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม หารือกับผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กรณีมาตรการแจ้งเตือน และการเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีผลกระทบกับไทย

จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยังคงมีการประกาศเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังเหตุการณ์ก่อการร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ขณะที่พำนักในประเทศไทย และคำประกาศเตือนนี้ยังปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของสถานกงสุลใหญ่ประจำจังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยโฆษกสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยืนยันว่า คำเตือนการก่อการร้ายในประเทศไทย เป็นคำเตือนที่ถูกต้องแล้ว และสหรัฐอเมริกาไม่มีแผนจะถอนคำเตือนดังกล่าวแต่อย่างใด

ขณะที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระบุว่า สถานทูตสหรัฐอเมริกาควรมีวิธีการแจ้งเตือนให้มีความนุ่มนวลมากกว่านี้ โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องทำคือการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยก่อน ขณะที่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ สมช. ที่จะเป็นศูนย์กลางในการติดตามสถานการณ์ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ต้องฟัง สมช. และต้องประสานงานกันให้ได้

ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนนายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายชาวเลบานอนนั้น เลขาธิการ สมช.ยังไม่มั่นใจว่า นายอาทริสที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมานั้นจะเป็นผู้ก่อการร้าย โดยเรื่องนี้ต้องการให้ผู้ปฏิบัติมีความรอบคอบก่อนที่จะบอกว่าเป็นการก่อการร้าย เพราะจะมีผลกระทบตามมาที่รุนแรง ขณะเดียวกันได้กำชับผู้ปฏิบัติให้มีความละเอียดในการตั้งข้อหาการก่อการร้าย

ทั้งนี้ ประเทศอิสราเอลก็ได้มีการเตือนประเทศไทยเรื่องการก่อการร้ายมาทุกปี สืบเนื่องจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดจากผู้ก่อการร้ายในไทยเมื่อปี 2537 ขณะที่ทางการไทยก็ได้พูดคุยกับทางการอิสราเอลอยู่เป็นประจำ