นายเย ทุต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข่าวสารเมียนมา ระบุว่าเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ย.2558) นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้โทรศัพท์ถึง พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมา เพื่อแสดงความยินดีที่รัฐบาลเมียนมาสามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างเสรีและเป็นธรรม ในขณะที่ 3 ผู้นำสูงสุดของเมียนมา ได้แก่ พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดี พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และนายชเว มานน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่างยอมรับคำเชิญของนางออง ซาน ซู จี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ที่เชิญเข้าร่วมการเจรจาเพื่อสร้างความปรองดองโดย พล.อ.เต็ง เส่ง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่าขอแสดงความยินดีกับนางซู จี ที่ประชาชนให้การสนับสนุน ซึ่งรัฐบาลจะเคารพผลการเลือกตั้งและให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนผ่านอำนาจบริหารประเทศอย่างสันติ เช่นเดียวกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กแสดงความยินดีกับนางซู จี ที่ชนะการเลือกตั้งเช่นกัน พร้อมทั้งระบุว่าจะหารือกับนางซู จี หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลนับคะแนนอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นลงแล้ว
ด้านนายชเว มานน์ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับเลือกจากนางซู จี ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แทนเนื่องจากรัฐธรรมนูญบัญญัติห้ามผู้ที่มีคู่สมรสและบุตรเป็นชาวต่างชาติเป็นประธานาธิบดี และแม้ว่าท่าทีผู้นำของเมียนมาจะเป็นไปในทางที่ดี แต่ผู้สนับสนุนของนางซู จี ยังอดกังวลไม่ได้ เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อปี 2533 ที่รัฐบาลทหารในยุคนั้น ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่พรรค NLD ชนะแบบถล่มทลาย โดยคว่ำผลการเลือกตั้งและนำตัวนางซู จีไปกักบริเวณในบ้านพักเป็นระยะเวลารวมประมาณ 20 ปี
ในขณะเดียวกันก็มีนักวิเคราะห์มองว่าแม้รัฐบาลทหารจะยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่การบริหารรัฐบาลของนางซู จี ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากกองทัพยังคงกุมอำนาจในระดับสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่งด้านความมั่นคง นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังคุ้มครองกองทัพซึ่งได้โควตาที่นั่งในทุก ๆ สภาถึงร้อยละ 25 ทำให้การทำงานของนางซู จี ต้องเผชิญกับความยากลำบาก หากไม่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพ
ส่วนผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการล่าสุดพรรค NLD ได้ไปทั้งสิ้น 256 ที่นั่ง เหลืออีกเพียง 73 ที่นั่งก็จะครองเสียงข้างมากในสภาได้ในที่สุด