อธิบดีกรมอุทยานฯเตรียมเรียกประชุมหัวหน้าหน่วย วางมาตรการป้องกันค้าช้างป่า
ความคืบหน้าคดีช้างป่าแก่งกระจานถูกเผาในตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบที่เกิดเหตุลงพื้นที่แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซน ที่มีการแบ่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพชรบุรีในการแยกกันเก็บชิ้นส่วนที่มีทั้งวิธีการเก็บชิ้นส่วนกระดูกช้างที่หลงเหลือในที่เกิดเหตุ โดยการร่อนหาเศษกระดูก หัวกระสุน และปลอกกระสุน ที่คาดว่า น่าจะเจอในจุดเกิดเหตุ รวมทั้งมีการนำเครื่องสแกนตรวจหาโลหะเข้ามาใช้ในการหากระสุนและปลอกกระสุนปืนด้วย
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบเก็บพยานหลักฐานอีกครั้ง ในจุดเกิดเหตุโดยละเอียดในซากของช้างตัวที่ถูกเผาซึ่งเป็นวัตถุพยานที่สำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยกันเก็บวัตถุพยานที่จะทำการเก็บชิ้นส่วนที่พบในที่เกิดเหตุทั้งหมดเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี
อีกทั้งหากมีการตรวจพบหัวกระสุนปืน หรือ ปลอกกระสุนปืนจะสามารถนำไปตรวจพิสูจน์ได้ ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับกระบวนการขโมยลูกช้างป่าที่เกิดเหตุปะทะกันที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมาด้วย
สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่ปะทะกับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ขณะมีการลักลอบนำช้างป่าเพศเมียอายุประมาณ 5 ปี ข้ามชายแดนไทยพม่า ทางด้านอำเภอสวนผึ้ง และ จากการปะทะกันทำให้ชาวกะเหรี่ยงถูกยิงเสียชีวิต 1 คน
นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เดินทางไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เพื่อติดตามกรณีนี้ ซึ่งเบื้องต้น ยอมรับว่า ขบวนการลักลอบค้าช้างป่าตัวนี้ มีลูกชายดาบตำรวจในจังหวัดราชบุรี จ้างให้ชาวกะเหรี่ยงเข้าไปจับช้างป่าเพื่อส่งขายให้กับปางช้าง โดยมีจุดนัดพบบริเวณที่เกิดการปะทะกัน ก่อนจะลักลอบขนช้างป่าออกไปส่งให้นักการเมืองท้องถิ่นที่จังหวัดกาญจนบุรี แล้วส่งต่อให้นายหน้าที่จังหวัดสระบุรี ก่อนส่งขายที่ปางช้าง
ขณะเดียวกันในเร็ว ๆ นี้กรมอุทยานฯจะเรียกประชุมหัวหน้าหน่วย เพื่อวางมาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่าโดยเฉพาะช้างป่า รวมถึงการจัดระเบียบกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในเขตอุทยาน