กสทช. แจงการใช้จ่ายเงินของสำนักงาน
ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชนหลายแห่งว่า สำนักงาน กสทช. มีการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย ไม่ประหยัดและขาดประสิทธิภาพเกี่ยวกับรถประจำตำแหน่งของ กสทช. อัตราค่าตอบแทน กสทช. และการใช้จ่ายอย่างอื่น ๆ ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้ชี้แจงในเบื้องต้นให้ทราบเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2555 ไปแล้วว่า การใช้จ่ายเป็นไปโดยประหยัด และมีประสิทธิภาพ นั้น
สำนักงาน กสทช. ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และสอดคล้องกับข้อเท็จจริง ดังนี้
- การใช้รถยนต์ประจำตำแหน่ง ของ กสทช. เป็นการใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งตามระเบียบ กทช. ว่าด้วยรถของสำนักงาน พ.ศ.2548 แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ กทช. ว่าด้วยรถของสำนักงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นระเบียบที่ กทช. ใช้อยู่เดิมที่ได้มีการแก้ไขปรับปรุงแก้ไขระเบียบฉบับเดิมตามข้อสังเกตของ สตง. โดยกำหนดให้ใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งตามขนาดซีซี และราคา โดยเทียบเคียงกับมาตรฐานรถประจำตำแหน่งของส่วนราชการ มิได้มีขนาดและราคาที่แตกต่างไปจากมาตรฐานรถประจำตำแหน่งที่ส่วนราชการกำหนด
อัตราค่าตอบแทนของ กสทช. ปัจจุบันสำนักงาน กสทช. ยังมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินค่าตอบแทนของ กสทช. ตามความในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ใช้บังคับ สำนักงาน กสทช. จึงได้เสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้ กสทช. ได้รับค่าตอบแทนตามพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นของประธานกรรมการและกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกรรมการร่วม พ.ศ. 2548 ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีพระราชกฤษฎีกาเงินค่าตอบแทน ฯ ใช้บังคับ ดังนั้นอัตราค่าตอบแทนที่ กสทช. ได้รับจึงเท่ากับ กทช. ที่ได้รับอยู่เดิม คือ
ทั้งนี้ เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งเทียบเคียงกับอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ประธาน กทช. เงินเดือน 64,890 บาท เงินประจำตำแหน่ง 45,500 บาท รวมเงิน 110,390 บาท
กทช. เงินเดือน 63,860 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท รวมเงิน 106,360 บาท
ค่าตอบแทนพิเศษจากผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดหลักเกณฑ์ให้จ่ายค่าตอบแทนพิเศษตามผลการปฏิบัติงานสำหรับ กทช. ให้คำนวณจากรายได้ประจำปีในอัตราร้อยละ 0.5 แต่ไม่เกินเดือนละ 300,000 บาท โดยการจ่ายเงินจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อ สตง. ตรวจรับรองงบดุลแล้วเท่านั้น ดังนั้น อัตราค่าตอบแทนของ กสทช. จึงยังมิได้มีการกำหนดอัตราใหม่ยังคงใช้อัตราเดิมไปพลางก่อนจนกว่าจะมีพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ใช้บังคับ
การใช้จ่ายเงินของสำนักงาน กสทช. ในตลอดเวลาการปฏิบัติงานที่ผ่านมา นับแต่เป็นสำนักงาน กทช. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา สำนักงาน กทช. ได้ใช้จ่ายเงินตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดด้วยความระมัดระวังและใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสำนักงาน กสทช. เป็นหน่วยงานของรัฐต้องรับการตรวจสอบจาก สตง. และปปช. ซึ่งก็ได้ใช้จ่ายงบประมาณปีละร้อยละ 60 ของรายได้ และได้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐร้อยละ 40 ต่อมาเมื่อได้ปรับเปลี่ยนสถานะเป็นสำนักงาน กสทช. พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2555 ได้บัญญัติไว้ให้ใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างประหยัด คุ้มค่า มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยนอกจากจะต้องได้รับการตรวจสอบจาก สตง. และ ปปช. แล้ว ยังจะต้องได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานจากคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานที่วุฒิสภาแต่งตั้ง
ดังนั้น การใช้จ่ายเงินงบประมาณของสำนักงาน กสทช. จึงต้องดำเนินการตามหลักการที่กฎหมายและระเบียบกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ประหยัด มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สำนักงาน กสทช. ยืนยันว่า กสทช. มีความมุ่งมั่น และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจกฎหมายมอบหมายให้กระทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยมุ่งเน้นให้มีการใช้จ่ายเงินรายได้ซึ่งเป็นเงินของรัฐอย่างคุ้มค่า ประหยัด มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวมอย่างแท้จริงต่อไป