กลุ่มผู้สนับสนุนชนเผ่าอะบอริจิ้นประท้วงเผาธงชาติออสเตรเลีย

เหตุประท้วงของกลุ่มอะบอริจิ้น ในวันชาติออสเตรเลียเมื่อวานนี้ กลายเป็นประเด็นที่มีการถกเถียง และโทษกันไปมาระหว่างทางการกับกลุ่มผู้ประท้วง ว่าเป็นผู้ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น

กลุ่มชาวอะบอริจิ้นที่ตั้งเต็นท์ประท้วงใกล้อาคารรัฐสภาของออสเตรเลียในกรุงแคนเบอร์ร่าเดินขบวนไปยังอาคารรัฐสภา พร้อมรองเท้าของ น.ส.จูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ที่ทำหลุดไว้ขณะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตัวนายกรัฐมนตรีนำตัวผู้นำฝ่าวงล้อมม็อบอะบอริจิ้นออกสู่ที่ปลอดภัยเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) ไปคืนที่อาคารรัฐสภา โดยอ้างว่าเป็นการแสดงเจตจำนงอันดี

แต่หลังจากที่คืนรองเท้าแล้ว กลุ่มผู้ประท้วงกลับเผาธงชาติออสเตรเลีย พร้อมยืนยันว่า ชาวอะบอริจิ้นเป็นเจ้าของแผ่นดินออสเตรเลีย พร้อมทั้งกล่าวหาฝ่ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของผู้นำและตำรวจเป็นผู้ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) และประกาศจะฟ้องกลับตำรวจ หลังจากที่มีรายงานว่า ตำรวจอาจตั้งข้อกล่าวหากับผู้ประท้วงบางคนที่ร่วมก่อเหตุเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.)

ด้าน น.ส.กิลลาร์ด กล่าวถึงการประท้วงที่เกิดขึ้นว่า เธอยอมรับการประท้วงอย่างสงบสันติ แต่รับไม่ได้กับความรุนแรงของผู้ประท้วง ทั้งยังขัดขวางพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่ชาวออสเตรเลียที่สมควรได้รับรางวัลเนื่องในวันชาติ

ขณะที่นายโทนี แอบบ็อต ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งเป็นชนวนความไม่พอใจแก่ผู้ประท้วง ออกมาอธิบายถึงสิ่งที่เขาพูดอีกครั้ง โดยระบุว่า คำให้สัมภาษณ์ของเขาเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) เป็นการตอบคำถามของผู้สื่อข่าว ว่าในช่วง 40 ปีมานี้สถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิของชาวอะบอริจิ้นดีขึ้นกว่าตอนที่มีการตั้งเต็นท์ประท้วงมาก ไม่ได้บอกให้หยุดการตั้งเต็นท์ประท้วง