ชี้ลดความรุนแรงในครอบครัวได้ ต้องเปลี่ยนทัศนคติ

สังคม
3 ก.พ. 55
00:36
17
Logo Thai PBS
ชี้ลดความรุนแรงในครอบครัวได้ ต้องเปลี่ยนทัศนคติ

ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ระบุว่า ปัจจัยที่สำคัญที่จะลดความรุนแรงในครอบครัวคือการเปลี่ยนทัศนคติของทุกคนในสังคมให้คิดว่าปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัญหาของทุกคน

นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดตัวนวัตกรรมผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว เราซ่อมได้ โดยใช้เจ้าหน้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมแนวทางการดูแลผู้ได้รับความรุนแรงอย่างถูกต้องจากคู่มือแนวทางการปฏิบัติที่แต่ละภาคส่วนร่วมกันจัดทำขึ้น เช่น วิธีการเข้าไปช่วยเหลือและดูแลผู้ถูกกระทำ โดยนำร่องในจังหวัดพังงาและกรุงเทพมหานครเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นจะนำคู่มือนี้มาปรับปรุงเพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ โดยเชื่อว่า นอกจากเครื่องมือดังกล่าวจะช่วยลดความรุนแรงในครอบครัวแล้ว ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การลดความรุนแรงในครอบครัวประสบความสำเร็จ คือการเปลี่ยนทัศนคติของทุกคนในสังคมว่าความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัญหาของทุกคน

ศ.เกียรติคุณ พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธ นายกสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ เสนอว่า ควรจะผลักดันให้สถานพยาบาลที่มีความพร้อมจัดตั้งคลินิกบำบัดและฟื้นฟูผู้ถูกกระทำและผู้กระทำความรุนแรง โดยมีจิตแพทย์ออกโปรแกรมการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ที่ต้องได้รับการบำบัดและฟื้นฟู เพื่อให้บุคคลเหล่านี้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างสมบรูณ์ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ขณะที่ข้อมูลของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลพบว่า แต่ละปีมีเหตุความรุนแรงในครอบครัว 300-400 ครั้ง โดยส่วนใหญ่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย การฆ่ากันระหว่างสามีและภรรยา โดยมีสาเหตุมาจากความหึงหวง และผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นสามี โดย 1 ใน 5 มีสาเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสอดคล้องกับสถิติของศูนย์ข้อมูลความรุนแรงต่อเด็กและสตรีและครอบครัว ในเดือน ม.ค.-มิ.ย.54 พบว่า มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงถึง 194 คน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง