ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ลงพื้นที่ดูความเสียหายจากแผ่นดินไหวที่เมือง “กุยฮุลกัน”
วันนี้ (8 ก.พ.) นายเบนิกโน่ นอยนอย อาคีโน่ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ มีกำหนดจะเดินทางลงพื้นที่เกาะเนกรอส เพื่อสำรวจความเสียหายจากแผ่นดินไหว 6.7 ริคเตอร์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.) ที่ผ่านมา หลังรับทราบว่าพื้นที่เมืองกุยฮุลกัน บนเกาะเนกรอส ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวเสียหายหนักที่สุด เนื่องจากเกิดโคลนถล่มทับหมู่บ้าน ขณะที่ความช่วยเหลือทำได้ล่าช้า เนื่องจากเส้นทางเสียหายหนักจนการเข้าถึงพื้นที่ทำได้เพียงการเดินเท้า มอร์เตอร์ไซค์ และเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้อุปกรณ์หนักเข้ากู้ภัยได้ ทำได้เพียงให้อุปกรณ์อย่างจอบ เสียม พลั่ว ขุดหาผู้ที่อาจรอดชีวิต แต่คาดว่าแทบไม่มีหวัง เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมา 2 วันแล้ว และดินที่ถล่มสูงถึง 10 เมตร
จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ยังอยู่ที่ 22 คน สูญหายอีก 71 คน แต่คาดว่ายอดคนตายจะพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ผู้บัญชาการกองทัพภูมิภาครวบรวมไว้มากถึง 48 คน และยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 92 คน ท่ามกลางความกังวลเรื่องการจัดหาอาหาร และน้ำดื่มดูแลผู้ประสบภัย เนื่องจากเส้นทางขนส่งลำบาก จึงร้องขอความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย
ส่วนสถานการณ์ภัยหนาวในยุโรปยังน่าวิตก ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตจากความหนาวเย็นในช่วง 11 วันที่ผ่านมานับตั้งแต่คลื่นความเย็นแผ่ปกคลุมเพิ่มสูงถึง 400 คนแล้ว ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเตือนว่าสภาพอากาศจะหนาวจัดถึงปลายเดือนมีนาคม และด้วยอากาศหนาวจัดทำให้แม่น้ำดานูบ ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญของทวีปยุโรปกลายสภาพเป็นน้ำแข็งเป็นระยะทางยาวถึง 170 กิโลเมตร
ทางด้านประเทศยูเครน ยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤตภัยหนาว มีผู้เสียชีวิตจากความหนาวเย็นไปแล้วถึง 136 คน ส่วนโปแลนด์ ยอดผู้เสียชีวิตจากภัยหนาวเพิ่มเป็น 68 คน สำหรับพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดได้แก่ เขตควิลดา ของสาธารณรัฐเชค อุณหภูมิดิ่งลงไปติดลบถึง 39.4 องศาเซลเซียส
บัลแกเรียเป็นอีกประเทศที่สถานการณ์เลวร้ายหนัก เจอทั้งหิมะตกหนัก และน้ำท่วมจากเขื่อนแตก หลังมีฝนตกและหิมะละลายตัว ทำให้น้ำในเขื่อนเพิ่มสูงจนพนังเขื่อนพัง น้ำไหลบ่าเข้าท่วมหมู่บ้านไบเซอร์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน ขณะที่มีรายงานว่าเขื่อนอีกสองแห่งอยู่ในภาวะเสี่ยง ทางการต้องประกาศเตือนภัยในระดับสีส้ม หลังมีความเป็นไปได้ว่าเขื่อนอาจพังอีก
ส่วนที่อเมริกาใต้ ฝนที่ตกหนักในเขตพื้นที่ทางภาคกลาง และภาคใต้ของเปรู ทำให้เกิดอุทกภัยรุนแรงในเมืองฮวนอูโค หลังน้ำในแม่น้ำเอ่อท้นฝั่งไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน และพื้นที่การเกษตร สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนกว่า 100 หลัง ทำให้ชาวบ้านกว่า 700 ครอบครัวได้รับผลกระทบ ด้านเมืองอาเรคิวปา และพื้นที่โดยรอบอยู่ในภาวะเสี่ยง หลังน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงจนถึงระดับอันตราย และฝนที่ตกหนักยังส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ ทั้งนี้มีรายงานว่า เครื่องบินไม่สามารถลงจอดที่สนามบินในกรุงลิม่าได้และต้องเปลี่ยนจุดหมายไปลงที่สนามบินในเมืองจูเลียก้า ซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้ที่สุดแทน