อ.เสนา จ.อยุธยา ได้รับผลกระทบจากการเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อน
น้ำในแม่น้ำน้อย ซึ่งเป็นแม่น้ำที่แยกตัวมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีระดับสูงขึ้น และทำให้น้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วม ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สูงเกือบ 30 เซนติเมตร แต่ชาวบ้านในละแวกนั้นยังคงใช้ชีวิตตามปกติ
นายทองคำ กิจสมุทร์ และ นายเสน่ห์ เพ็ชรดี ชาวตำบลสามกอ ซึ่งมีบ้านอยู่ริมแม่น้ำน้อยบอกว่า ไม่รู้สึกกังวลกับน้ำที่ล้นตลิ่ง เนื่องจาก บริเวณนี้ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำถูกน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว นอกจากนี้ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นแบบช้าๆ ก็ทำให้ชาวบ้านยังมีเวลาเตรียมตัวทันสามารถรับมือกับน้ำท่วมได้ ดีกว่าเก็บกักน้ำในเขื่อนไว้มากเกินไปเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา เพราะทำให้น้ำท่วมแบบฉับพลัน และรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็ขอให้ทางจังหวัดเร่งขุดลอกคูคลองเพื่อเปิดทางให้น้ำที่ท่วมขัง สามารถระบายออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนพื้นที่ปลูกข้าวในอำเภอเสนา อำเภอบางบาล และอำเภอผักไห่ ยังไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากแม่น้ำน้อย และยังมั่นใจกับการจัดการน้ำของชลประทาน
ขณะที่นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยอมรับว่าการเร่งระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ วินาทีละ 700 ลูกบาศก์เมตรส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำโดยจะมีระดับอยู่ที่ 30-40 เซนติเมตร แต่คาดว่าภายใน 5-10 วันนี้สถานการณ์น้ำท่วมจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปล่อยน้ำจากเขื่อนที่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดอยุธยาว่า เป็นการระบายน้ำตามปกติแต่เนื่องจากปีนี้ต้องเร่งระบายน้ำเร็วขึ้น ก่อนฤดูฝนที่จะมาถึงจึงเร่งระบายมากกว่าปกติ ซึ่งได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลประชาชนในพื้นที่รวมถึงการเยียวยา และได้มอบหมายให้กรมชลประทาน ดูแลเรื่องการระบายน้ำเพื่อให้น้ำสามารถระบายได้เร็วกว่าปกติ
ขณะที่แผนบริหารการจัดการน้ำของเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ได้เพิ่มการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมาไปจนถึงเดือนเมษายน โดยเขื่อนภูมิพลจะเพิ่มการระบายเป็นวันละ 66 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์จะเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 44-50 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำแต่ละเขื่อนลดลงวันละ 20 เซนติเมตร