รองโฆษก ตร.เตือนใช้กฎหมายชุมนุมสาธารณะกับกลุ่มเคลื่อนไหว

รองโฆษก ตร.เตือนกลุ่มที่จะรวมตัวออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมืองว่าอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบเห็นก็จะเข้าดำเนินการทางกฎหมายไม่มีละเว้น

วันนี้ (8 ธ.ค.2558) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุถึงสถานการณ์ที่มีกลุ่มผู้เคลื่อนไหวก่อให้เกิดความไม่สงบว่าตำรวจจะใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะการรวมกลุ่มเคลื่อนไหวไปตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ หากพบว่าการกระทำของกลุ่มใดก็ตามเข้าข่ายการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด และยืนยันว่าจากการข่าวขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวกลุ่มที่เห็นต่างกับรัฐบาลและคณะรักษารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะประชาสัมพันธ์ถึงกลุ่มผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองหรือกลุ่มใดก็ตามให้ศึกษารายละเอียดของกฎหมายการชุมนุมสาธารณะ เพราะหากฝ่าฝืนและถูกจับจะไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่รู้กฎหมาย

ส่วนความคืบหน้าในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ขณะนี้ตำรวจส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องคดีไปแล้ว 6 สำนวน ส่วนสำนวนคดีที่เหลือพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการเร่งสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาสั่งคดีตามขั้นตอน ขณะที่การติดตามตัว พล.ต.สุชาติ พรหมใหม่ และนายคชาชาต บุญดี รวมทั้งอดีตตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม ยืนยันว่าบางส่วนออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี

ส่วนคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหมแยกราชประสงค์ ยังไม่ยืนยันว่านางวรรณา สวนสัน และสามี 2 ผู้ต้องหาในคดี ถูกควบคุมตัวได้ที่ประเทศตุรกี ตามกระแสข่าวจริงหรือไม่ และประเทศไทยกับตุรกีนั้นไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน แต่ประเทศไทยมีสนธิสัญญาความร่วมมือต่างตอบแทนต่อกันกับประเทศตุรกี ซึ่งหากทั้ง 2 คนถูกควบคุมตัวได้จริงต้องพิจารณาว่าจะเข้าข่ายใช้สนธิสัญญาความร่วมมือต่างตอบแทนได้หรือไม่