ตร.ใช้
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามคดีระเบิด 3 จุดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) โดยมี พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า จะใช้ สน.คลองตัน พื้นที่เกิดเหตุเป็นศูนย์อำนวยการสอบสวนคดีให้สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. รับหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหารายล่าสุดที่จับกุมได้ คือ นายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ ที่ถูกจับกุมได้ขณะพยายามหลบหนีออกนอกประเทศมอบหมายให้ตำรวจสันติบาลรับผิดชอบด้านการข่าว ให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ดูแลเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
เบื้องต้นตำรวจจะตั้ง 3 ข้อหากับนายซาอิด โมราบิ คนร้ายที่บาดเจ็บ และ นายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ คนร้ายที่ถูกจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ คือ ข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนเกิดความเสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่น และ ร่วมกันพยามยามฆ่าผู้อื่น และ พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
สำหรับนายมูฮัมหมัดหลังจากทำการสอบสวนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สุวรรณภูมิ ตำรวจจะนำตัวไปควบคุมที่ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตม.3 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยตำรวจมีอำนาจควบคุมตัวไว้ 48 ชั่วโมงเพื่อทำการสอบสวน
นอกจากนี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกับการจับกุม นายอาทริส ฮุสเซน คนร้ายที่ครอบครอบสารประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งจับกุมได้เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง พร้อมยืนยันว่า จะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่หลบหนีให้ได้โดยเร็ว พร้อมยืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่า คนร้าย 2 กลุ่มไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ส่วนนายมูฮัมหมัดที่จับกุมได้นั้นยังติดขัดปัญหาด้านการสื่อสาร เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับบ้านเลขที่ 66 ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุระเบิด ระบุว่า เห็นคนร้ายทั้ง 3 คนอยู่ภายในบ้าน และ มักมีคนเดินทางมาหาเป็นประจำ ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้ จะเกี่ยวพันกับคำเตือนของของอิสราเอลเกี่ยวกับการก่อการร้ายในประเทศไทยหรือไม่ ตำรวจระบุว่า ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน