อิหร่านปัดเอี่ยวระเบิดในไทย พร้อมร่วมมือจับคนร้าย 
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ระบุว่าขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงของไทยจะประสานไปยังทางการอิหร่าน เพื่อให้ตรวจสอบหนังสือเดินทางผู้ต้องสงสัยที่จับได้ 2 คน เพราะอาจจะเป็นหนังสือเดินทางปลอม และเชื่อว่าทีมผู้ต้องสงสัยอาจเตรียมประกอบระเบิดเพื่อไปใช้งานในประเทศอื่น เพียงแต่มาประกอบระเบิดที่ไทยเพราะอาจหาส่วนประกอบได้ง่ายกว่าประเทศอื่น
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทุกประเทศกำลังรอผลการสอบสวนของรัฐบาลไทย ซึ่งขณะนี้มี 10 ประเทศที่แจ้งเตือนนักท่องเที่ยว ได้แก่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล และนิวซีแลนด์
ส่วนเรื่องเสียงวิจารณ์ที่ว่าประเทศไทยเดินทางเข้าประเทศง่ายนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศจะกำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการออกวีซ่าให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทยมากขึ้น แต่ยอมรับว่าการออกวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึงประเทศ หรือ VISA ON ARRIVAL นั้นควบคุมได้ยาก
ขณะที่วันนี้ (15 ก.พ.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เชิญคณะทูตจากต่างประเทศเข้ารับฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลร่วมชี้แจง และยังมีรายงานว่าเอกอัคราชทูตอิหร่านเข้าหารือกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ราวครึ่งชั่วโมงก่อนจะมีการบรรยายสรุป
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน ปฏิเสธข้อกล่าวหาของทางการอิสราเอล ที่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดในประเทศไทย และกล่าวหาอิสราเอลว่าพยายามทำลายประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับอิหร่าน ซึ่งอิหร่านพร้อมจะร่วมมือกับทางการไทยเต็มที่เพื่อให้คดีมีความชัดเจน รวมทั้งให้รัฐบาลอิสราเอลเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่เอกอัคราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย บอกว่าหากประเมินจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เชื่อว่าสถานทูต และเจ้าหน้าที่ทูต น่าจะเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุ เนื่องจากระเบิดที่ตรวจพบในบ้านเช่าของผู้ต้องสงสัย มีความคล้ายคลึงกับระเบิดที่ใช้ก่อเหตุที่อินเดีย และจอร์เจีย จึงสามารถเชื่อมโยงได้ว่าเป็นเครือข่ายก่อการร้ายกลุ่มเดียวกัน และการจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่าน ก็เป็นหลักฐานได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ