คำต่อคำ :
ระหว่างการแถลงข่าววันนี้ (11 ธ.ค.58) พล.ต.อ.จักรทิพย์แสดงความไม่พอใจพล.ต.ต.ปวีณอย่างเห็นได้ชัด เขาย้ำหลายครั้งว่าการโยกย้ายนายตำรวจเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานบุคคล ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดคำชี้แจงของพล.ต.อ.จักรทิพย์แบบคำต่อคำ
"ผมก็ไม่ทราบเหตุผลของท่าน ว่าทำไมต้องไปขอลี้ภัยถึงขนาดนั้น ท่านเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ลาออกไปแล้ว ผมก็ไม่ทราบเจตนาของท่านว่ามีเรื่องการเมืองแอบแฝงหรือเปล่า แต่ผมถือว่าการทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นการทำร้ายประเทศหรือเปล่า ที่ออกมาให้ข่าวกับสื่อต่างประเทศว่ามีทหารเลว ตำรวจเลว ผมกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าหมายถึงใคร ส่วนกรณีที่ให้สัมภาษณ์ว่าถูกตำรวจชั้นผู้ใหญ่คุกคามนั้นท่านไม่ได้มาพูดกับผม แต่ไปพูดกับสื่อ แต่ส่วนที่ท่านเคยมาพูดกับผม ผมก็ได้แก้ปัญหาให้แล้ว หลังจากคำสั่งโยกย้ายออกแล้ว ผมให้ท่านเลือกเลยว่าจะไปอยู่ที่ไหน ยังไง
"การแต่งตั้งโยกย้ายนี่ผมรับผิดชอบคนเดียว ผมได้สอบถามผู้บัญชาการแต่ละภาคแล้วว่า ใครจะปรับย้ายใคร อย่างไร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยืนยันชัดเจนว่า ไม่เอาพล.ต.ต.ปวีณ แล้วถ้าผมยัดเยียดเข้าไป ตำรวจก็พัง อยู่ไม่ได้ เมื่อตำรวจภูธรภาค 8 ไม่รับพล.ต.ต.ปวีณ ผมก็ต้องหาที่ให้ท่านอยู่ สอบถามที่อื่นก็ไม่รับ ถ้าผมเอามาอยู่จเรก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แต่เมื่อสอบถามไปยังผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ท่านรับ เพราะต้องการให้พล.ต.ต.ปวีณไปดูเรื่องสำนวน
"ผมไม่ได้กลั่นแกล้งพล.ต.ต.ปวีณ ผมดูจากประวัติ ท่านเคยสมัครใจไปสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความรู้ด้านการสอบสวนเรื่องโรฮิงญาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่ท่านพูดไม่หมด ทำให้สังคมสับสน เล่นกับสื่อ ทั้งสื่อไทยสื่อนอก การออกมาโวยวายแบบนี้มีวินัยหรือเปล่า มาบอกว่าการส่งไปจังหวัดชายแดนภาคใต้คือการล็อกเป้า แล้วตำรวจที่อยู่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะคิดอย่างไร" พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการทำคดีค้ามนุษย์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบว่า "ผมไม่ทราบ สำนวนเขาคุมอยู่ ผมไม่เคยไปแทรกแซง ท่านชอบบอกว่ามีการแทรกแซงจากรัฐบาลบ้าง จากนายตำรวจระดับสูงบ้าง ก็ขอให้ระบุชื่อมาเลย จะได้ฟ้องได้ถูกตัว อย่ามาหาว่าตำรวจเลว ทหารเลว ผมไม่ทราบว่าพูดอย่างนี้เพื่ออะไร มันเป็นการต่อความยาวสาวความยืดหรือเปล่า ในองค์กรผม ผมเชื่อว่าตำรวจรู้ดีที่สุด ไปถามเพื่อนๆ พล.ต.ต.ปวีณว่าเป็นยังไง ตอนนี้่เรื่องโรฮิงญาทั้งหมดผมมอบให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ดูแลแทน พล.ต.อ.เอก"
"เจ้าพนักงานผมมีเป็นร้อยคน ผมเห็นมีปัญหาอยู่คนเดียว แล้วผมจะปกครองหน่วยยังไง เขาทำงาน เขาคาดหวังอะไรหรือเปล่าผมไม่ทราบ ทำงานเรื่องนี้เสร็จควรจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น พอไม่ได้แล้วผิดหวัง ต้องพูดให้หมด อย่าพูดครึ่งเดียว อย่างคดีระเบิดราชประสงค์ จับได้หมด แต่ตำรวจที่ทำงานบางคนก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง บางคนโดนย้ายอีก มันคือการบริหารงานบุคคลขององค์กร ต้องเข้าใจด้วย ตำรวจทหารต้องมีวินัย ไปบอกว่าล็อกเป้า กลัวตาย ศัตรูเยอะ แล้วเพื่อนผมที่อยู่ ศชต.ทำไมยังทำงานได้ โรฮิงญาจะมีอิทธิพลอะไรนักหนา แล้วที่บอกว่าพื้นที่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 9 มีการตั้งแคมป์ (โรฮิงญา) มาหลายปี นั่นพูดถึงผมโดยตรงหรือเปล่า ผมเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แล้วท่านเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งอยู่ต้นทางเลย แต่ทำไมไม่ดำเนินการ พูดอย่างนี้ไม่ถูก อย่าเอาองค์กรมาขาย อย่าทำร้ายประเทศ เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว ตอนที่มาพูดจากันก็เข้าใจกันดี แต่พอกลับไปก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ผมไม่เคยไปมีอะไรกับท่าน ขอให้พูดให้หมด ทหารเลว ตำรวจเลวคือใคร ใครแทรกแซง อย่างนี้เราแก้ปัญหาไม่ถูกหรอก แต่เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายผมรับผิดชอบเต็มๆ อยู่แล้ว
"ท่านไปอ้างว่าท่านทำงาน คดีเยอะ ศัตรูเยอะ แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับโจรมาตลอดชีวิต ผมเองก็จับโจรมาเยอะแยะก็ยังเดินลอยหน้าลอยตาได้ ไม่เห็นมีใครมายิงผมเลย คดีโรฮิงญาผมก็จับ จับตัวใหญ่ด้วย การที่ผู้ต้องหามามอบตัวกับผมก็มาหาว่าผมไปสนิทชิดเชื้อกับผู้ต้องหา ผมโตมากับสายงานปฏิบัติ ผมไม่ใช่คนหน่อมแน้ม ผมกว้างขวาง ผมก็ฝากไปบอก จะมามอบตัวก็มามอบซะ ถ้าไม่มาก็ไม่มา เขาก็มามอบตัวกับผม ก็แค่นั้น ไปมองว่าผมมีผลประโยชน์
"ตอนนี้ผมให้พล.ต.อ.ศรีวราห์มาดูคดีนี้ต่อ ยังไม่รู้ว่าใครเก่งกว่ากัน แต่ผมเชื่อว่าท่านศรีวราห์เก่งกว่าเยอะ ผมก็เอาคนที่ดูสำนวนเก่งมาดูแลต่อ เพราะฉะนั้นเรื่องสำนวนไม่ต้องห่วงเลย แต่ถ้าพล.ต.ต.ปวีณรู้ว่าผู้มีอิทธิพลคนไหนที่เกี่ยวข้องก็ให้บอกมา ส่งชื่อมาฝากไว้ที่ลูกน้องเขาก็ได้ เราจะดูแลให้
"ผมรับราชการมาทั้งชีวิต เพิ่งเคยเห็นตำรวจลี้ภัย เคยเห็นแต่นักการเมืองลี้ภัย เพิ่งเคยเจอครั้งนี้ที่ขอลี้ภัย ตกใจเหมือนกัน" พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวทิ้งท้าย
ระหว่างการแถลงข่าว ผบ.ตร.ยังได้ให้ พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้ช่วยผบ.ตร. เล่ารายละเอียดการพูดคุยกับพล.ต.ต.ปวีณ หลังจากมีคำสั่งโยกย้าย ซึ่งพล.ต.ท.รุ่งโรจน์อธิบายว่า
"ในกรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ ให้ข่าวต่อสังคม ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง ท่านผบ.ตร.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เรียกตัว พล.ต.ต.ปวีณมาพบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผมได้อยู่ด้วย ท่านผบ.ตร.ได้ให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และอธิบายถึงความจำเป็นในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งท่านได้หารือกับผู้บัญชาการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อปรับกำลังในการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและแก้ปัญหาต่างๆ ที่เราจะต้องตอบสนอง ซึ่งพล.ต.ต.ปวีณก็เข้าใจดีว่าที่ให้ไปอยู่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะการทำงานยังต้องต่อเนื่อง นอกจากนี้ผบ.ตร.ได้บอกกับพล.ต.ต.ปวีณว่า ถ้าคิดว่าไม่ได้รับความปลอดภัยควรจะได้นำเรียนให้ ผบ.ตร.ทราบว่ามีภัยคุกคามอะไร ท่านจะได้ใช้ดุลยพินิจในการแก้ไขปัญหาให้เมื่อผู้บังคับบัญชาไม่สบายใจในการปฏิบัติหน้าที่ และท่านได้ให้โอกาสกับ พล.ต.ต.ปวีณอีกว่า อยากจะให้ทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไปเพราะประเทศยังมีปัญหาอีกหลายประการ ซึ่งพล.ต.ต.ปวีณก็ยินดีที่จะทำงานต่อ ผบ.ตร.ก็ให้โอกาสเลือกว่าจะทำงานที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือจะออกมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อื่น เช่น ตำรวจภูธรภาค 9 ภาค 8 หรือกองบัญชาการสอบสวนกลางก็ได้ ซึ่งพล.ต.ต.ปวีณได้เลือกที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อจะได้มีอำนาจทั่วราชอาณาจักร และมีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ผบ.ตร.ก็บอกว่าจะดำเนินการให้ แต่ต้องให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ที่เราได้เสนอขึ้นไปให้เสร็จสิ้นตามขั้นตอนเสียก่อนถึงจะออกคำสั่งให้ช่วยราชการได้ แต่พล.ต.ต.ปวีณได้ลาออกเสียก่อน"