ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

คปภ.เลื่อนขายกองทุนประกันภัยไปเดือนมีนาคม ระบุ พื้นที่เสี่ยงภัยไม่ชัดเจน

สังคม
17 ก.พ. 55
08:07
18
Logo Thai PBS
คปภ.เลื่อนขายกองทุนประกันภัยไปเดือนมีนาคม ระบุ พื้นที่เสี่ยงภัยไม่ชัดเจน

คณะกรรมการกองทุนประกันภัยพิบัติเลื่อนการเปิดขายกรมธรรม์ภัยพิบัติไปต้นเดือนมีนาคม หลังกรอบพื้นที่ภัยพิบัติยังไม่มีความชัดเจน แต่เบื้องต้นได้กำหนดการประกันภัยไว้3 กรณี โดยจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาอีกครั้ง

ที่ประชุมครั้งที่ 2 ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานกองทุนภัยพิบัติ เปิดเผยว่า ไม่สามารถเปิดรับประกันภัยได้ภายในสิ้นเดือนนี้ อาจจะล่าช้าออกไปเป็นช่วงต้นเดือนมีนาคม เพราะต้องนำเรื่องหารือกับ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณา

ทั้งเรื่องความจำกัดความของภัยพิบัติของกองทุนนี้เบื้องต้นจะกำหนดไว้ที่ 3 กรณี คือ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลมพายุ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะต้องนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ผู้ทำประกันจึงจะได้รับเงินสินไหมทดแทน

ส่วนการชดเชยความเสี่ยงกำลังพิจารณาว่าจะขยายการคุ้มครองจากร้อยละ 20 ขยายเป็นร้อยละ 30 พร้อมขยายทุนประกันจาก 200 ล้านบาท เป็น 1,000 บาท หรืออาจไม่กำหนดทุนประกันซึ่งจะพิจารณาเป็นกรณี ขณะที่เบี้ยประกันยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งจะแตกต่างกันประมาณร้อยละ 1-2 ของทุนประกัน โดยพื้นน้ำท่วมมากอาจจะเสียสูงสุดร้อยละ 2.5 ของทุนประกัน ซึ่งจะประชุมกำหนดรายละเอียดอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. กล่าวว่า โซนน้ำท่วมจะใช้ข้อมูลของ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า เป็นข้อมูลน้ำท่วมย้อนหลังตั้งแต่ปี 2549-2554 เช่นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากเป็นสีน้ำเงิน ไม่เคยท่วมเลยสีขาว ท่วมน้อยสีฟ้าอ่อน โดยจะมีการจัดทำเว็บไซค์ขึ้นมาแล้วให้ประชาชนที่ต้องการซื้อประกันไปดูว่าบ้านตัวเองอยู่ในโซนไหน เบี้ยประกันเท่าไหร่

ขณะที่นายอารีพงศ์ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า อาจจะไม่นำประกันส่งต่อให้แก่บริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ เพราะหลังจากที่ได้เดินทางไปดูความคืบหน้าในการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนยอดที่เป็นปูนซีเมนต์จะเสร็จในเดือนมีนาคม ปีหน้า ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอจะรองรับระดับน้ำท่วมในปีที่แล้วได้ ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงลง จนเกิดความเชื่อมั่น และทำให้เบี้ยประกันถูกลง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง