โค้งสุดท้ายออสการ์ ครั้งที่ 84
มือที่โผล่จากแขนเสื้อที่ไร้คนสวมไม่ได้เกิดจากการใช้สเปเชียล เอฟเฟค แต่เป็นการลวงตาโดยใช้เทคนิคทางการแสดง คือเสน่ห์การสื่อสารด้วยภาพที่ทดแทนคำพูดได้อย่างวิเศษของ The Artist ภาพยนตร์ที่คาดว่าจะได้รับความสำเร็จสูงสุดในงานออสการ์ปีนี้ หลังกวาดรางวัลสำคัญมาแล้วเกือบทุกเวที ทั้งลูกโลกทองคำ และชัยชนะจากสมาคมผู้อำนวยการสร้างและสมาคมผู้กำกับอเมริกา ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่หนังเงียบคว้าออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หลังจาก Wings เป็นหนังเงียบเรื่องเดียวที่คว้าออสการ์มาได้ในการแจกรางวัลครั้งแรกเมื่อปี 1927 ช่วงสุดท้ายสำหรับยุคทองของหนังเงียบ
ส่วน Hugo ที่แม้จะได้การเสนอชื่อสูงสุดในปีนี้ถึง 11 สาขา แต่ส่วนใหญ่เป็นการเข้าชิงด้านเทคนิคการถ่ายทำ ซึ่งต้องเจอกับคู่แข่งที่สูสี ทั้งการลำดับภาพที่มี The Artist เป็นตัวเต็ง, การกำกับภาพมีเต็งหนึ่งอย่าง The Tree of Life ภาพยนตร์ดีกรีปาล์มทองคำซึ่งถ่ายทอดปรัชญาผ่านภาพชีวิตบนผืนโลกสู่การก่อกำเนิดของจักรวาล โดยสาขาสเปเชียล เอฟเฟคคาดว่าความสำเร็จจะตกเป็นของหนังนิยายวิทยาศาสตร์อย่าง Rise of the Planet of the Apes
การประกาศผลรางวัลจากสมาคมนักเขียนอเมริกาเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ภาพของผู้ชนะในสาขาด้านการเขียนบทชัดเจนขึ้น ซึ่งคาดว่าออสการ์อาจจะปลอบใจ อเล็กซานเดอร์ เพย์น ผู้กำกับและผู้เขียนบทจาก The Descendants ด้วยรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม โดยบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมอาจตกเป็นของ Midnight in Paris หนังย้อนมิติเวลาสู่ยุคที่ปารีสเป็นศูนย์กลางด้านศิลปะของ วูดดี้ อัลเลน ผู้ครองสถิติเข้าชิงออสการ์ด้านการเขียนบทมากที่สุดถึง 15 ครั้ง
ขณะที่สาขานักแสดงสมทบชายหญิงมี 2 ตัวเต็งที่คาดว่าจะคว้ารางวัลทั้ง ออคตาเวีย สเปนเซอร์ และ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ นักแสดงอาวุโสวัย 82 ปี แต่สาขานักแสดงนำยังต้องลุ้น ทั้งฝ่ายชายที่ ฌอง ดูฌาร์แดง จาก The Artist ต้องชิงชัยกับ จอร์จ ครูนีย์ จาก The Descendants ส่วนสาขาที่ลุ้นหนักทุกปีอย่างนักแสดงนำหญิง ปีนี้ยังเข้มเข้นเช่นเดิม ทั้งตัวเต็งอย่าง ไวโอลา เดวิสจาก The Help, เจ้าของลูกโลกทองคำอย่าง มิเชล วิลเลียม ในการสวมบทเป็น มาริลีน มอนโร และ เมอรีล สตรีป ผู้ถ่ายทอดบทบาทของ มาร์กาเรต แทตเชอร์ ใน The Iron Lady ซึ่งเป็นการเข้าชิงครั้งล่าสุดของยอดนักแสดงหญิงผู้พลาดออสการ์มาเกือบ 3 ทศวรรษจากการเข้าชิง 13 ครั้งที่ผ่านมา