ชาวทวีวัฒนาหวั่นสำรวจบ่อน้ำมันกระทบสิ่งแวดล้อม
หลังแผงเหล็กกั้นสูง 6 เมตร บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 2 เป็นที่ตั้งของโครงการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมบนบก หมายเลข L 45/50 เนื้อที่รวม 7 ไร่ ซึ่งบริษัทมิตรา เอเนอจี ประเทศอังกฤษได้รับสัมปทานจากกระทรวงพลังงาน โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551
ตัวแทนชุมชน กล่าวว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่คัดค้านมาโดยตลอด และตั้งข้อสังเกตถึงมาตรฐาน และความโปร่งใสของการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ที่ต้องการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าประชาชนกว่าร้อยละ 50 ให้การยอมรับ นอกจากนี้ ยังมีคำถามว่าบริษัทที่ได้สัมปทานจะรับผิดชอบหรือไม่หากมีผลกระทบจากการขุดเจาะตามมาก
ตัวแทนชุมชนจึงยื่นฟ้องผู้ให้สัมปทาน คือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติต่อศาลปกครอง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เพื่อให้ยุติการขุดเจาะสำรวจ ซึ่งศาลได้รับคำร้องในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างรอการนัดไต่สวนของศาล
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติยืนยันว่าประสานกับสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานครแล้วว่าพื้นที่ เอ 2 ซึ่งเป็นเขตห้ามตั้งโรงงานอุตสาหกรรม แต่ขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมได้ ทั้งนี้ หากจะผลิตในเชิงพาณิชย์อาจต้องหาพื้นที่ใหม่ให้ห่างไกลชุมชน พร้อมยอมรับว่าในการพิจารณาให้สัมปทานครั้งต่อๆ ไปจะต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมชน และแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ
ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาธิบาล วุฒิสภาให้ตรวจสอบความโปร่งใสการทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตทวีวัฒนา และที่มาของสัมปทานครั้งนี้ รวมถึงตั้งคำถามว่ารัฐบาลมีนโยบายในการจัดการปิโตรเลียมในเชิงพาณิชย์หรือไม่
ทั้งนี้ บริษัท มิตรา เอเนอจี ได้รับสัมปทาน 2 แปลง รวม 7,966 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สุพรรณบุรี สระบุรี นครนายก และฉะเชิงเทรา แต่ได้คืนสัมปทานแล้วส่วนหนึ่ง ปัจจุบันเหลือพืนที่สัมปทาน 1,987 ตารางกิโลเมตร ซึ่งคาดการณ์ว่าหากการขุดเจาะสำรวจไม่พบปิโตรเลียม หรือไม่คุ้มค่าเชิงพาณิชย์ก็อาจคืนพื้นที่สัมปทานทั้งหมด