องค์กรสิทธิฯประณามทำร้าย
ตามที่รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นหนึ่งในกลุ่มอาจารย์คณะนิติราษฎร์ ถูกชายสองคนทำร้ายร่างกายภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในช่วงบ่ายวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ บริเวณลานจอดรถของคณะนิติศาสตร์นั้น
องค์กรดังมีรายชื่อแนบท้ายนี้ มีความห่วงกังวลอย่างยิ่งว่าสาเหตุในการทำร้ายร่างกายดังกล่าวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงบทบาทในฐานะนักวิชาการของกลุ่มอาจารย์คณะนิติราษฎร์ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ปรากฏว่ารศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เคยมีความขัดแย้งกับบุคคลใดเป็นการส่วนตัว ในทางตรงกันข้ามการดำเนินกิจกรรมของคณะนิติราษฎร์ที่ได้มีข้อเสนอแนะในทางวิชาการให้ลบล้างผลพวงของรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ การจัดทำข้อเสนอเพื่อการรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และการล่ารายชื่อประชาชน ๑๐,๐๐๐ รายชื่อ เพื่อเสนอร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวโดยคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ กลับทำให้กลุ่มอาจารย์คณะนิติราษฎร์ต้องตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์ทั้งที่อยู่ในกรอบของกฎหมายและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนสากล จนเลยไปถึงการดูหมิ่น หมิ่นประมาท และการข่มขู่ทำร้ายร่างกายอันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ทั้งปรากฏว่า เคยมีการแสดงความรุนแรงโดยการเผาหุ่นของดร.วรเจตน์เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๕ บริเวณหน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งเกิดการทำร้ายร่างกาย รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ขึ้นภายมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันนี้
เราเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้สังคมตกอยู่ในภาวะความหวาดกลัวถึงการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญว่าอาจมีบุคคล กลุ่มบุคคลซึ่งมีความเห็นต่างจะมุ่งประสงค์ร้าย จนถึงขั้นทำร้ายร่างกายหรือทำให้เสียชีวิต เนื่องจากการดำเนินกิจกรรมของคณะนิติราษฎร์ และการล่ารายชื่อของคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ นั้นเป็นการกระทำบนพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ และสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งเป็นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย และกล่าวได้ว่ากลุ่มอาจารย์ดังกล่าวเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งรัฐมีหน้าที่คุ้มครองและปกป้องไม่ให้ผู้ใดมาละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และตามหลักกติกาสากลว่าด้วยการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
เราเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิในร่างกาย การไม่เคารพต่อเสรีภาพของบุคคลอื่น การไม่รับฟัง และขาดความอดทนอดกลั้นต่อความคิดเห็นที่แตกต่างอันเป็นพฤติกรรมที่ยิ่งจะบ่อนทำลายคุณค่าแห่งสังคมประชาธิปไตย และเห็นว่าการทำร้ายร่างกายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องการทำร้ายร่างกายส่วนบุคคลแต่เป็นเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนในการแสดงออกตามสิทธิและเสรีภาพขั้นพี้นฐาน จึงมีข้อเสนอและข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
๑.เราขอประนามการกระทำความรุนแรงครั้งนี้ และขอให้รัฐบาลรีบดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐสามารถปกป้องคุ้มครองประชาชนในการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญได้และไม่ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวในการใช้เสรีภาพดังกล่าว
๒.ขอเรียกร้องต่อประชาชนชาวไทยให้ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อการแสดงความเห็นที่แตกต่าง แม้ความเห็นที่คณะนิติราษฎร์หรือคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ จะขัดแย้งต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไทยบางกลุ่ม แต่การดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของหลักประชาธิปไตยในการอยู่ร่วมกัน
ด้วยความเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน กลุ่มเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน(คนส.) สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.) มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) โครงการนิติธรรมสิ่งแวดล้อม(Enlaw) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม(CrCF) ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น และศูนย์ข้อมูลชุมชน