วันนี้ (1 ม.ค. 2559) เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า รัฐบาลกำลังสานต่อโครงการ รับเบอร์ ซิตี้ (Rubber City) มูลค่ากว่า 1,670 ล้านบาท ณ ศูนย์บริการการลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่จัดตั้งมานานแต่ยังไม่สบผลสำเร็จสูงสุด
โดยเตรียมผลักดัน ขยายผล และสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบคลัสเตอร์ ที่อาศัยการเชื่อมโยงไปยังภาคธุรกิจอื่นๆ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยางพาราเต็มรูปแบบ สามารถรองรับการลงทุนจากนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ทั้งภายในและนอกประเทศได้ในอนาคต
“รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่า ในปี 2564 จะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนโรงงานยางพาราไม่ต่ำกว่า 70 ราย รวมมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานประมาณ 7,000 คน เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราไม่ต่ำกว่า 1 – 2 แสนตันต่อปี มูลค่าการผลิตราว 6,000 – 14,000 ล้านบาทต่อปี นับเป็นวิธีการแก้ปัญหายางอย่างยั่งยืน จากการเน้นใช้ยางภายในประเทศให้มากขึ้น” นายกฯ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับมาตรการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมยางพารา และอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างครบวงจรแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยางสำหรับรถยนต์ อุตสาหกรรมท่อยาง อุตสาหกรรมถุงมือยาง อุตสาหกรรมแปรรูปน้ำยางข้น รวมทั้งอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา เป็นต้น
2.กลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น โครงการนำร่อง สวนยางในอนาคต โครงการวิจัยและพัฒนาร่วม การจัดทำศูนย์ข้อมูล ศูนย์แสดงสินค้า โลจิสติกส์ ตลาดกลาง คลังสินค้า รวมทั้ง สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม พัฒนาบุคลากร ที่เกี่ยวข้องกับยางพาราในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการแข่งขัน ในอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศ โดยต้องไม่มีการบุกรุกป่าในการทำสวนยางหรือการทำการเกษตรอีกต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะส่งเสริมการสร้างโรงงานขนาดเล็ก ในการแปรรูปยางพาราในท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) รวมถึงหาแหล่งเงินและสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟท์โลนให้ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการรวมกลุ่มสหกรณ์ผู้ผลิตยางพาราเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตล้อยาง หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากยางพารา ขอให้ทุกคนเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนผ่านในเรื่องระบบเศรษฐกิจของไทยในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทยให้ครบวงจรอย่างยั่งยืนในฐานะอุตสาหกรรมเขียว ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อยกระดับฐานะ รายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพที่มั่นคงให้กับประชาชนในพื้นที่
“ปัจจุบันได้รับรายงานว่า มีบริษัทผู้ผลิตล้อรถยนต์รายใหญ่ของจีน 2 บริษัท ให้ความสนใจและติดต่อเพื่อเข้ามาลงทุนเพื่อผลิตยางคอมปาวด์ เนื่องจากเห็นศักยภาพด้านวัตถุดิบและการขนส่ง ที่สำคัญคือนโยบายและทิศทางการส่งเสริมของภาครัฐที่แสดงออกถึงความจริงใจ ชัดเจน ในการที่จะขับเคลื่อนโครงการรับเบอร์ ซิตี้” พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงเพิ่ม พร้อมกล่าวว่า
ได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาช่องทางและสร้างแรงจูงใจ ในการดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้เข้ามาลงทุนในโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งนี้ ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาสิทธิพิเศษ ทั้งมาตรการด้านภาษี การพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งทั้งทางบกและทางทะเล ตลาดในการส่งออก และด้านแรงงาน รวมทั้งการสนับสนุนการวิจัยและต่อยอดอุตสาหกรรมยางเพื่อจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่ออีกว่า ปีใหม่นี้ขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งและเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต พร้อมใจกันเสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ร่วมใจกันขับเคลื่อนประเทศภายใต้ฟันเฟือง “ประชารัฐ” เพื่อให้บ้านเมืองของเราสงบสุขร่มเย็น มีเสถียรภาพ ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนเดินทางกลับจากร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่โดยสวัสดิภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่ยานยนต์ขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมต่อประชาชน อย่าคึกคะนอง อย่าดื่มสุรา เพราะเสี่ยงต่อชีวิตทั้งตนเองและผู้อื่น รวมถึงสูญเสียทรัพย์สิน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นภาระสืบเนื่องแก่ผู้อื่น
“ปีนี้ผมจะให้ของขวัญตัวเองเหมือนกัน โดยจะพูดให้น้อยลง หงุดหงิดน้อยลง ทะเลาะกับนักข่าวน้อยลง ทำตัวเป็นกู๊ดกาย ซึ่งบอกไปแล้วงว่าทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ผมปฏิรูปตัวเอง ฉะนั้น ทุกคนที่ทำให้ผมหงุดหงิด ทำให้ผมต้องพูดเยอะ ปฏิรูปตัวเองด้วยนะ อย่าให้ผมทำคนเดียว”