วันนี้ (4 ม.ค.2559) พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงกรณีที่มีการรายงานว่ามีกลุ่มคนรวบรวมบัตรเอทีเอ็มของผู้ลงทะเบียนผู้ค้ารายย่อยไปจองและซื้อสลากผ่านตู้เอทีเอ็มเพียงคนเดียวครั้งละ 10 ใบว่า กรณีดังกล่าวถือว่าผิดเจตนารมณ์ที่คณะกรรมการสลากฯ ต้องการให้สลากจองและซื้อผ่านกรุงไทยกระจายไปยังผู้ค้าให้มากที่สุด เบื้องต้น ได้ส่งหนังสือไปยังแม่ทัพภาคที่ 1, 2, 3 และ 4 ให้ช่วยส่งทหารไปสังเกตการณ์ยังตู้เอทีเอ็มที่มีการทำซื้อและจองสลากจำนวนมาก เพื่อดูพฤติกรรมของการกดซื้อและจองสลาก ซึ่งต้องทำรายการ 1 คน ต่อ 1 รายการเท่านั้น หากทำรายการครั้งละ 10 รายการถือว่าเอาเปรียบ มีความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งการจองและซื้อสลากผ่านธนาคารกรุงไทยในงวดที่จะถึง ได้กำหนดไว้ในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.)
พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า จะมีการส่งชุดเฉพาะกิจเข้าไปตรวจสอบนิติบุคคล มูลนิธิ สมาคม ที่เกี่ยวข้องกับคนพิการว่าดำเนินการกับสลากที่ได้ไปอย่างไรบ้าง เพราะมองว่าสลากที่อยู่ในระบบโควต้ากว่า 50 ล้านฉบับในขณะนี้ น่าจะอยู่ในมือคนพิการไม่ถึง 20 ล้านฉบับ โดยจะดูว่ามีคนพิการที่เป็นสมาชิกของมูลนิธิหรือสมาคมกี่รายได้สลากแล้วนำไปขายจริง ถ้าดำเนินการไม่ถูกต้อง มีแนวคิดจะตัดโควต้าลงร้อยละ 50 เพื่อนำสลากมากระจายให้คนที่ต้องการไปขายจริง
ส่วนการดำเนินการในปี 2559 จะเพิ่มช่องทางการขายสลากรายย่อย จากที่ดำเนินการผ่านธนาคารกรุงไทย ก็เพิ่มไปให้บริการผ่านธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ซึ่งสำนักงานสลากฯ ได้หารือกับผู้บริหารธนาคารทั้ง 2 แห่งเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของการทดลองระบบ คาดว่าเริ่มในเดือน ก.พ.2559 สำหรับผู้ซื้อที่ลงทะเบียนผ่านธนาคารกรุงไทยไว้แล้วจะเปลี่ยนใจไปซื้อผ่านธนาคารออมสิน หรือ ธ.ก.ส. สามารถยกเลิกการลงทะเบียนที่ทำไว้กับกรุงไทยได้ โดยให้เลือกแค่ 1 ธนาคารเท่านั้น
ส่วนกรณีที่มีการพบขบวนการใบ้หวยในรูปแบบการลงหนังสือ ออกใบปลิว และลงตามเว็บไซต์ จะติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นพบว่าทั่วประเทศไทยมีหนังสือใบ้หวยกว่า 100 เล่ม กระจายอยู่ทั่วประเทศ ขณะที่เว็บไซต์และไลน์มีจำนวนสูงมาก เท่าที่ตรวจสอบพบว่ามีความพยายามของกลุ่มคนบางกลุ่มที่ต้องการปั่นตัวเลข เพื่อให้ราคาเลขนั้นมีค่ามากขึ้น ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร