วันนี้ (6 ม.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการสัมมนา "เศรษฐกิจไทยปี 59 มองไปข้างหน้า โอกาสและความท้าทาย" ว่า ปีที่ผ่านมาตัวเลขจีดีพีถือว่าน่าพอใจ สามารถหยุดยั้งการทรุดตัวทางเศรษฐกิจได้ ทำให้ความมั่นใจเริ่มกลับมา แม้คนบางกลุ่มอาจจะมองว่า เศรษฐกิจไม่สดใสแต่ส่วนตัวมองว่าเป็นความท้าทาย
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีปัญหาหลักที่น่าเป็นห่วงคือ ราคาสินค้าเกษตร ทำให้คนที่อยู่ในเศรษฐกิจฐานรากลำบาก ซึ่งในภาคการเกษตรมีคนอยู่ในระบบ 30 ล้านคน แต่จีดีพีไม่ถึงร้อยละ 10 ส่งผลต่ออำนาจการซื้อขายน้อยลงส่งผลต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ
ขณะที่ภารกิจสำคัญในปีนี้ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจต้องดูการเติบโตให้พอเหมาะพอควร ซึ่งขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าจีดีพีจะอยู่ที่ 3.5 ซึ่งตนจะพยายามให้เต็มที่เพื่อให้ทุกเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจรวมถึงการส่งออกที่ตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 5 ของจีดีพี โดยในกลางเดือนมกราคม 2559 จะมีการประชุมทูตพาณิชย์
สำหรับการท่องเที่ยว เป็นเครื่องจักรที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยในวันจันทร์ที่ 11 ม.ค.2559 จะหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อหาแนวทางการพัฒนา ซึ่งเบื้องต้นได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้เตรียมงบพิเศษในการลงทุนการท่องเที่ยวแล้ว
ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐ ก่อนหน้านี้ได้หารือว่า เอกชนจะช่วยเหลือรัฐบาล ให้เร่งการลงทุนภายใน 2 ไตรมาสแรกของปี 2559 เพื่อทำให้เครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนประเทศทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกร ต้องการให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชหลากหลาย โดยจะใช้วิธีขับเคลื่อนในแนวนอนร่วมกับสหกรณ์ทั่วประเทศ กองทุนหมู่บ้าน สภาเกษตรกรร่วมกับเอกชน โดยจะให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นเจ้าภาพหลักในการผลักดันให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูกที่หลากหลาย
นอกจากนี้ควรจะมีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เเละส่งเสริมให้มีการลงทุนในท้องถิ่น สร้างเอสเอ็มอีเกษตรกร โดยให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สร้างแรงจูงใจภาคเอกชนในการลงทุนกับภาคเกษตรกร การกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของชนบท เช่น ฝาย แหล่งน้ำ โรงอบ ลานตาก ลานแปรรูปขนาดเล็ก ตลอดจนสร้างเเหล่งท่องเที่ยวชนบทควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าเกษตร