นายสัตวแพทย์ศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.) เปิดเผยว่า สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป รายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรป(EU) ได้แก้ไขกฎระเบียบว่าด้วยการรับรองการนำเข้าหรือการขนส่งผ่าน (transit) ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบมากกว่าหนึ่งประเภท(Composite product) โดยกฎระเบียบดังกล่าวระบุว่า ผลิตภัณฑ์สินค้า Composite ที่นำเข้าไปวางจำหน่ายในสหภาพยุโรป จะต้องมาจากประเทศหรือเขตพื้นที่ของประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดมาจากสัตว์ ที่เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ Composite ทั้งยังต้องมาจากโรงงานที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ Regulation (EC) No 853/2004 ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสินค้าเนื้อแปรรูป นมแปรรูป สินค้าประมงแปรรูป และไข่ โดยสินค้าดังกล่าวต้องปรับใช้แบบฟอร์มใบรับรองสุขอนามัยฉบับใหม่ประกอบการนำเข้า ซึ่งกฎระเบียบนี้จะมีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป
กรณีจะส่งต่อสินค้าดังกล่าวไปจำหน่ายยังประเทศที่สาม ในรูปของการรอขนส่งผ่านทันทีหรือรอเก็บสินค้าไว้ใน EU ก่อนการส่งต่อ ผลิตภัณฑ์สินค้า Composite ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยสำหรับสินค้าขนส่งผ่านและขอเก็บไว้ใน EU เพื่อรอการส่งต่อไปประเทศอื่นประกอบการนำเข้า โดยสินค้าต้องปฏิบัติตามข้อบังคับด้านสุขอนามัย ขณะเดียวกันยังต้องได้รับการรับรองเอกสารนำเข้า และต้องลงนามโดยสัตวแพทย์ประจำด่านนำเข้า ของ EU ณ จุดที่มีการนำเข้าสินค้า
“แต่มีข้ออนุโลมสำหรับสินค้าเพื่อรอส่งผ่านไปยังประเทศรัสเซีย สามารถที่จะผ่านด่านนำเข้าในประเทศลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์ได้ ซึ่งตู้สินค้าต้องปิดผนึกลงเลข รวมถึงเอกสารการนำเข้าทุกแผ่น ต้องประทับตรา “ONLY FOR TRANSIT TO RUSSIA VIA THE EU” โดยสัตวแพทย์ของด่านนำเข้าในประเทศสมาชิก EU นั้นๆ กรณีนี้จะไม่อนุญาตให้ขนถ่ายสินค้าลงหรือจัดเก็บสินค้าในพื้นที่ของ EU นอกจากนั้น ยังอนุโลมให้ระยะเปลี่ยนผ่านสำหรับสินค้าที่มีส่วนประกอบมากกว่าหนึ่งประเภท ที่ใช้ใบรับรองสุขอนามัยเดิมที่ออกให้ก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2555 สามารถใช้ประกอบการนำเข้าได้ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2555” นายสัตวแพทย์ศักดิ์ชัย กล่าว
นายสัตวแพทย์ศักดิ์ชัยกล่าวด้วยว่า สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรฯแนะนำว่า ผู้ประกอบการและกรมต่างๆ ที่ออกใบรับรองสินค้า Composite จะต้องเร่งปรับใช้ใบรับรองฉบับใหม่ให้ทันตามกำหนด หากไม่ทันอาจทำให้สินค้าถูกกัก ณ ด่านนำเข้าได้ ขณะเดียวกันกรมประมงและกรมปศุสัตว์ควรพิจารณาตัวกฎระเบียบว่า ปัจจุบันสินค้าอาหารไทยที่ส่งออกไปยัง EU อยู่ในขอบข่ายสินค้า Composite ใดบ้าง และควรหารือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีปัญหาในการแยกแยะประเภทสินค้าอาหารระหว่างสินค้าปกติกับสินค้า Composite ให้แจ้งสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรฯ เพื่อจะได้ประสานกับ DG-SANGO ต่อไป
นายสัตวแพทย์ศักดิ์ชัย กล่าวว่า อนาคตคาดว่า หน่วยงาน FVO ของ EU จะขอสุ่มตรวจโรงงานสินค้าอาหารประเภท Composite เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ส่งออกไปยัง EU มากขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งสร้างความเข้าใจผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้า composite ไปยัง EU ให้ทราบทั่วกัน เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งด้านการสรรหาวัตถุดิบที่ถูกต้อง รวมถึงการปรับใช้ใบรับรองสุขอนามัยใหม่ให้ทันตามเวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้การส่งออกชะลอตัวและหยุดชะงัก