อุทยานฯตะรุเตา เตรียมประสานทัพเรือภาคที่ 3 ใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 4/2558 แก้ปัญหาที่ดินเกาะหลีเป๊ะ 
ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงานปัญหาการบุกรุกที่ดินเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ที่ไทยพีบีเอสติดตามมาอย่างต่อเนื่องว่าในกว่า 100 กรณีของข้อพิพาทเรื่องที่ดิน มีกรณีของสถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะที่มีข้อพิพาทกับรีสอร์ต โดยทางสถานีตำรวจได้เคยขอพื้นที่จากอุทยานแห่งชาติตะรุเตาจำนวน 10 ไร่ เมื่อปี 2532 แต่ว่าปัจจุบันรีสอร์ตที่อยู่ติดกันได้ขยายพื้นที่สร้างอาคารที่พักจนเหลือที่ดินของสถานีตำรวจเพียง 3 งานเศษ
นายอมรินทร์ ศาลากิจ ผู้จัดการบันดาหยารีสอร์ต ระบุว่าได้ซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวจากชาวบ้าน โดยมีเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 และยืนยันว่าไม่ใช่ที่ของอุทยานตามที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตากล่าวอ้างและมอบให้สถานีตำรวจภูธรเกาหลีเป๊ะใช้ประโยชน์ในเวลาต่อมา "ในพื้นที่บริเวณนี้น่าจะคุยกันไประดับหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าทำไมจึงมีการออกข่าวแบบนี้อีก ยืนยันว่าทางรีสอร์ตไม่เคยฟ้องสถานีตำรวจ" นายอมรินทร์ระบุ
ด้าน พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สตูล ระบุว่าคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินว่าแปลงที่ 39 ว่ายังไม่เป็นทั้งของโจทก์และจำเลยยังเป็นที่ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ส่วนแปลงที่ 29 ยังอยู่ในชั้นศาลฎีกา เพราะฉะนั้นแปลงที่ 39 ที่ได้พิพากษามาแล้ว ทางตำรวจที่ขอใช้พื้นที่ 10 ไร่ ในแปลงนี้ได้ทำหนังสือถึงกรมอุทยานแห่งชาติให้ดำเนินการตามระเบียบเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งศาล เรื่องอยู่ในระหว่างการดำเนินการของกรมอุทยานฯ
นอกจากความขัดแย้งระหว่างรีสอร์ตและสถานีตำรวจ ปัญหาที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะยังเกิดข้อพิพาทอีกกว่า 100 กรณี โดยคู่ขัดแย้งมีทั้งอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ผู้ประกอบการรีสอร์ต และชาวเล ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมอีกกว่า 130 ราย มีรายงานข่าวแจ้งว่าอุทยานแห่งชาติตะรุเตาจะประสานงานกับทัพเรือภาค 3 เพื่อใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 4/2558 ระงับยับยั้งการก่อสร้างรีสอร์ตที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีตรวจยึดจับกุมแล้ว 12 ราย ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปถึงร้อยละ 70
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.) คณะกรรมการแก้ไขที่ดินชาวเลเกาะหลีเป๊ะ เตรียมเปิดโต๊ะพูดคุยเจรจาแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งแนวทางแก้ปัญหาเจรจาในวันพรุ่งนี้ พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการ ระบุว่าจะใช้แนวทางเจรจาพูดคุยกันก่อนที่จะใช้กฎหมายในลำดับถัดไป