วันนี้ (14 ม.ค. ) นายกฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ เปิดเผยภายหลังเข้าสัมภาษณ์ เพื่อสมัครเข้ารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ไทยพีบีเอส เป็นคนสุดท้ายว่า ตนไม่กังวลเรื่องคุณสมบัติส่วนตัว ที่อาจทำให้ไม่ได้เข้ารับตำแหน่ง ผอ.ไทยพีบีเอส เพราะแม้ไม่เคยทำงานอยู่ในสถานีโทรทัศน์โดยตรง แต่มีประสบการณ์ในเรื่องการออกแบบการสื่อสารมานานกว่า 14 ปี เห็นได้จากผลงานแคมเปญใหญ่ๆ ที่ผ่านมา เมื่อครั้งทำงานอยู่ใน สสส. เช่น งดเหล้าเข้าพรรษา สวดมนต์ข้ามปี ให้เหล้าเท่ากับแช่ง ฯลฯ ซึ่งทุกประเด็นใช้การสื่อสารทั้งนั้น อีกทั้งช่วงที่ผ่านมา ได้สนับสนุนการผลิตรายการต่าง ๆ กว่า 150 รายการ ฉะนั้น ตนจึงเข้าใจวิธีการเลือกคอนเทนต์และมุมมองการเสนอข่าว
นายกฤษดากล่าวต่ออีกว่า ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คนทำสื่อไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ในวงการสื่ออย่างเดียว เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคเป็นคนเลือกคอนเทนต์ ซึ่งเป็นมุมมองสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อ การมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ ตนต้องการนำเสนอมุมมองใหม่ในด้านสื่อให้กับไทยพีบีเอส เพราะถ้าไทยพีบีเอสไม่สามารถมีมุมมองที่แตกต่างจากสื่ออื่นได้ ก็คงไม่ต่างจากสถานีโทรทัศน์อื่นที่เหมือนกันไปหมดในปัจจุบัน ฉะนั้น ไทยพีบีเอสต้องกล้ามองให้หลุดกรอบ และบูรณาการระบบการทำงาน
“ท่ามกลางโทรทัศน์ดิจิทัลที่เกิดใหม่จำนวนมาก ผมมองว่าแนวคิดและวิธีการทำงานแบบใหม่ของไทยพีบีเอส จะต้องไม่ใช่แค่สถานีโทรทัศน์อีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนสถานะเป็น ‘กลไกขับเคลื่อนสังคม’ ที่ต้องสร้างความแตกต่างและโดดเด่นให้สถานี โดยมุ่งเน้นประเด็นการขับเคลื่อนด้านสังคมให้เปลี่ยนแปลงในเชิงระบบ ผ่านการใช้การสื่อสารในทุกมิติ ทั้งเว็บไซต์ โทรทัศน์ รายการ ข่าว ทุกอย่างต้องบูรณาการกัน” นายกฤษดาระบุ
นายกฤษดากล่าวว่า ทั้งนี้ ไทยพีบีเอส ต้องปรับปรุงการทำงานร่วมกับภาคีต่าง ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงมุ่งสร้างอุดมการณ์สื่อสาธารณะอย่างแท้จริงในองค์กร และสร้างความคิดและมุมมองต่าง ๆ ให้สังคม
“วันนี้ขอบคุณที่คณะกรรมการฯ ให้โอกาสผมมานำเสนอความคิด เสนอสิ่งที่อยากเห็น แต่จะได้ทำหรือไม่ได้ทำไม่ใช่เรื่องสำคัญ ซึ่งผมอยากเห็นไทยพีบีเอสมีประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างไร อยากเห็นไทยพีบีเอสเป็นสื่อที่มีคุณค่า สร้างความเปลี่ยนแปลงแก่สังคมไทยให้เกิดขึ้นจริง ถ้ากรรมการพิจารณาและเห็นว่าความเห็นบางส่วนของผมมีประโยชน์และนำเอาไปทำ ผมจะดีใจมาก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าสัมภาษณ์ของนายกฤษดา ใช้เวลาเพียง 30 นาที ขณะที่ผู้สมัครเข้ารับตำแหน่ง ผอ.ไทยพีบีเอส อีก 4 คน ใช้เวลาในการสัมภาษณ์คนละ 45 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการสัมภาษณ์ผู้สมัครครบทั้ง 5 คน แล้ว เวลา 17.45 น. คณะกรรมการนโยบายฯ ออกประกาศผลการคัดเลือก ปรากฎว่า นายกฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ได้รับเลือกเป็น ผอ.ไทยพีบีเอส คนใหม่