นานาชาติเร่งส่งทีมกู้ภัยไปยังเนปาล ยอดผู้เสียชีวิตกว่า 1,457 คน
เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.2558) เกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 77 กม. และห่างจากเมืองโปขระ เมืองใหญ่ลำดับ 2 ของเนปาลไปทางตะวันออก 73 กม. ซึ่งถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 81 ปี ที่เคยเกิดในเนปาล โดยแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นไปทุกทิศทาง ทางทิศเหนือถึงเทือกเขาหิมาลัยและทิเบต ทิศใต้ถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคาตอนเหนือของอินเดีย ทิศตะวันออกถึงสามเหลี่ยมปากแม่น้ำพรหมบุตรในบังกลาเทศ และทางตะวันตกถึงเมืองลาฮอร์ในปากีสถาน
สำหรับแผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างมาก เนื่องจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 15 กม. นอกจากนี้อาคารบ้านเรือนในเนปาลยังไม่ได้ออกแบบเพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว โดยหนึ่งในสิ่งที่ถูกทำลาย คือหอคอยธราฮาระในกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งมีความสูง 61.88 ม. สร้างขึ้นในปี 1832 เพื่อถวายแด่ราชินีของเนปาลในยุคนั้น และองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานเหตุหิมะถล่มบริเวณเชิงเขาเอเวอเรสต์ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูกาลปีนเขา ทำให้คาดว่ามีนักท่องเที่ยวติดค้าง สูญหาย และได้รับบาดเจ็บอยู่บริเวณอีกจำนวนมาก โดยคาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง ขณะที่ระบบการสื่อสารและการเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยทางการเนปาลได้ประกาศปิดสนามบินกาฐมาณฑุด้วย
นายมิเนนทรา ราชาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข่าวสารเนปาล ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับเนปาลอย่างมาก ทางการเนปาลต้องการความช่วยเหลือและสนับสนุนจากองค์กรนานาชาติ ที่มีความรู้และเครื่องมืออุปกรณ์กู้ภัยช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
ล่าสุดเนปาลตัดสินใจประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและค้นหาผู้รอดชีวิตทั่วประเทศ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยเนปาลรายงานว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างน้อย 29 เขตจากทั้งหมด 75 เขต แต่สื่อต่างประเทศประเมินว่าผู้ประสบภัยในเนปาลอาจไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เพราะรัฐบาลเนปาลไม่มีหน่วยงานที่เตรียมพร้อมในการรับมือและจัดการภัยพิบัติ
ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยสถานทูตฯ ได้ตรวจสอบความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนไทย พร้อมประสานการตรวจสอบที่เมืองโพคารา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวว่ามีนักท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบหรือไม่ ส่วนคนไทยในกรุงกาฐมาณฑุประมาณ 60 คน ปลอดภัยดี มีบางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ส่งรถไปตรวจสอบตามโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ว่ามีคนไทยหรือนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบที่ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่
ขณะนี้มีคนไทย 10 คน มารายงานตัวและรวมตัวกันที่สถานทูตฯ แล้ว โดยนี้มีคนไทยอาศัยอยู่ในเนปาลประมาณ 100 คน เป็นกลุ่มคนงานบริษัทผลิตหม้อแปลงกับร่วมทุนพัฒนาโรงแรม และในแต่ละปีมีคนไทยเดินทางไปเนปาลกว่า 26,000 คน เพื่อแสวงบุญที่ลุมพินีและสังเวชนียสถาน ขณะที่นานาชาติต่างเร่งส่งความช่วยเหลือและหน่วยกู้ภัยเข้าไปยังเนปาลแล้ว โดยยอดผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 1,457 คน