นิด้ามองศก.ไตรมาสแรกยังสาหัส จี้รัฐเร่งอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบหวังกระตุ้นการฟื้นตัว
รศ.มนตรี โสคติยานุรักษ์ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต (MPA) คณะรัฐประศาสนศาสตร์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่าการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไว้ที่ 3.0% ถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมกับภาวะในปัจจุบันเนื่องจากเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวหลังเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยมาจากการที่ภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาผลิตได้ เพียง 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยในไตรมาส 1 ปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพียง 1-2%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน และ พ.ร.ก.เงินกู้เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ยังทำได้ล่าช้า โดยเฉพาะในส่วนของงบประมาณแผ่นดินนั้นพบว่า มีการใช้จ่ายงบประจำเพียง 45% และงบลงทุนเพียง 28% จากงบประมาณทั้งหมดทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจช่วงไตรมาสแรกไม่สามารถทำได้เต็มที่ ดังนั้นภาครัฐจึงควรเร่งใช้จ่ายเงินงบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความเข้มแข็งกับภาคเศรษฐกิจของไทยและผลักดันให้มีอัตราการเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้
“เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกยังคงบอบช้ำจากภาวะน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาการคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยของแบงก์ชาติในครั้งนี้จึงถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมต่อสถานการณ์เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเอกชนได้ฟื้นตัวและกลับมาลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้งในระหว่างที่รอกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่คาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายอย่างเต็มที่ได้ในช่วงไตรมาส2 เป็นต้นไป” รศ.มนตรี กล่าว
ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA คณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าวด้วยว่า ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเชื่อว่า ไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในกรอบการดูแลของธปท.ที่กำหนดกรอบไม่เกิน 0.5-3% จึงไม่ต้องกังวลมากนัก อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ก็เชื่อว่า ธปท.จะมีนโยบายออกมากำกับดูแลเพื่อลดผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้ออย่างแน่นอน