เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีอันเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาแผนปฏิรูปประเทศไทย โดยให้ภาคธุรกิจเอกชนสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการภายใต้แผนปฏิรูประเทศไทยเพื่อสร้างความเป็นธรรมและแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยควบคู่ไปกับการเติบโตของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ โดยให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถนำค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการจัดโครงการฝึกอบรมอาชีพและการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู และสงเคราะห์เด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนในสังกัดกระทรวงยุติธรรม มาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้สองเท่าของที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้สุทธิและกำไรสุทธิ แล้วแต่กรณี
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีข้างต้น นอกจากจะเป็นการจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการคืนเด็กดีสู่สังคม อันเป็นการเตรียมความพร้อมให้กลับสู่สังคมอย่างยั่งยืนและสามารถกลับไปดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้เป็นปกติแล้ว ยังมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน อันมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า มาตรการนี้ก่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาขนและการพัฒนาเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยประหยัดงบประมาณในด้านการปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด อันมีส่วนช่วยพัฒนาอนาคตของประเทศชาติต่อไป