ความเสี่ยงความปลอดภัย และสิ่งล่อใจของตร.สืบสวนคดียาเสพติด
ตำรวจสืบสวนชุดปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ถูกจับให้ออกจากราชการ หลังถูกตรวจสอบพฤติการณ์ จนพบว่ามีเจตนายึดของกลางยาบ้ากว่า 300,000 เม็ด และยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ไว้เอง ก่อนปล่อยตัวผู้ต้องหาไปโดยไม่ดำเนินคดี และไม่มีการแจ้งให้ผู้บังคัญบัญชาทราบ ทั้งที่คดียาเสพติดล็อตนี้ถือเป็นคดียาเสพติดที่มีจำนวนมากและมีมูลค่าสูง
แม้ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธรวมถึง มีข่าวว่าตำรวจชุดนี้เก็บของกลางเพื่อสืบสวนต่อไปยังหัวหน้าเครือข่าย หรือที่เรียกในวงการตำรวจว่า ต่องานแต่ในขั้นตอนปฏิบัติ ตำรวจส่วนหนึ่ง ให้ความเห็นว่า หากต้องการสืบสวนไปถึงตัวผู้บงการ หรือระดับหัวหน้าเครือข่าย อย่างน้อยที่สุดควรแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบเบื้องต้น
เพราะฉะนั้นในทางปฏิบัติ การลงบันทึกประจำวันจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ในการทำงานของตำรวจสืบสวน ทั้งก่อนการลงพื้นที่ และขณะลงพื้นที่เพราะอย่างน้อยที่สุด สามารถเป็นข้อมูลอ้างอิง หากมีการจับนอกพื้นที่ หรือจับเป้าหมายเดียวกันกับหน่วยงานอื่นๆ และหากเพื่อต้องการนำของกลางไปขยายผล
ตำรวจสืบสวน ถือเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้กระทำความผิดมากที่สุด โดยเฉพาะคดียาเสพติด นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ตำรวจอาจถูกเสนอผลประโยชน์จากผู้ต้องหาเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี การทำหน้าที่เหมือนดาบสองคม แต่หากมีการยับยั้งชั่งใจ การกระทำความผิดจะไม่เกิดขึ้น
ส่วนคดี ของตำรวจสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ที่ถูกดำเนินคดี ขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบวงจรปิดขณะนำตัวผู้ต้องหาไปกดเงิน ที่ตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่งหลังผู้ต้องหาถูกจับตัว และกำลังขยายผลติดตามตัวผู้ต้องหาที่ถูกปล่อยตัวไป