วันนี้ (24 ม.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ถนนในเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น เต็มไปด้วยหิมะซึ่งเป็นอุปสรรคต่อระบบคมนาคมของประเทศ ส่งผลให้ทางการญี่ปุ่นสั่งชะลอการให้บริการรถไฟบางสายและยกเลิกเครื่องบินอีกหลายเที่ยวบิน ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยพายุหิมะในบริเวณภาคใต้และภาคตะวันตกของประเทศ รวมทั้งเมืองนางาซากิ เมืองฟูกูโอกะ เมืองคาโกชิมะ และเมืองซากะ ซึ่งอยู่ในแนวปะทะอากาศเย็น มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในคืนวันนี้
ขณะที่สายการบินเจแปน แอร์ไลนส์ ได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินที่จะเดินทางไปและกลับจากมหานครนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกาแล้ว เนื่องจากอิทธิพลของพายุหิมะทำให้ทัศนวิสัยในการบินย่ำแย่ และสนามบินหลักหลายแห่งในสหรัฐอเมริกายังคงปิดให้บริการ
ส่วนทางการเกาหลีใต้ต้องออกประกาศยกเลิกการให้บริการเที่ยวบินจากเกาะเจจู ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมจำนวน 517 เที่ยวบิน หลังจากต้องเผชิญกับหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 32 ปี และมีลมกระโชกแรง ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ภายในสนามบินนานาชาติเจจูเป็นจำนวนมาก กระทรวงคมนาคม เกาหลีใต้ ระบุว่า เที่ยวบินบางเที่ยวบินอาจจะกลับมาให้บริการได้ตามปกติ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) เป็นต้นไป
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอีกว่า หลายพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะที่มหานครนิวยอร์กยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุหิมะที่พัดถล่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ม.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าพายุหิมะในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันแล้วประมาณ 85 ล้านคน
สำหรับพายุหิมะที่พัดถล่มพื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 18 คน จากอุบัติเหตุทางถนน และทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับไปแล้วมากกว่า 2,000 ครั้ง ในกรุงวอชิงตันดีซี และพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ประชาชนประมาณ 200,000 คน ขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ขณะที่ชาวอเมริกันได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างแล้วประมาณ 85 ล้านคน พายุหิมะระลอกนี้ นับว่ามีความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2465 ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในมหานครนิวยอร์กและอีก 10 เมืองทั่วประเทศ ขณะที่ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประกาศยกเลิกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกจากสหรัฐอเมริกาไปแล้วมากกว่า 10,000 เที่ยวบิน เนื่องจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนและทัศนวิสัยย่ำแย่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดสนามบินหลักๆ หลายแห่ง หิมะที่ตกหนาประมาณ 40 นิ้ว หรือประมาณ 102 เซนติเมตร ทำให้การให้บริการรถไฟได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ขณะที่การใช้รถใช้ถนนของประชาชนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน เนื่องจากหลายพื้นที่ประสบปัญหารถติดนานมากกว่า 12 ชั่วโมง เช่น ในเคนทักกีและเพนซิลเวเนีย
เจ้าหน้าที่คาดว่า พายุหิมะครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความรุนแรงของพายุหิมะส่งผลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางออกไปจับจ่ายใช้สอยในย่านใจกลางมหานครนิวยอร์กและพื้นที่อื่นๆ ได้ตามปกติ ขณะที่ร้านค้าและร้านอาหารต้องปิดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากมีการประกาศปิดถนนในหลายพื้นที่
นอกจากนี้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ยังไม่สามารถจัดส่งสินค้าหรือรับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมได้ เช่นเดียวกับงานก่อสร้างต่างๆ ที่ต้องถูกสั่งระงับเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของคนงานขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่น คาดการณ์ว่า พายุหิมะจะค่อยๆ อ่อนกำลังลงและเคลื่อนตัวต่อไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกภายในวันพรุ่งนี้