นิคมฯสหรัตนนครยังไม่ฟื้นตัว เลิกจ้างแรงงานแล้วกว่า 4,700 คน

กระทรวงอุตสาหกรรมประเมินว่า ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของปีนี้ นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจะฟื้นฟูและกลับมาเดินสายการผลิตได้ตามปกติ แต่จากความไม่ชัดเจนของแผนบริหารจัดการน้ำ และปัจจัยอื่น ๆ เช่นต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้โรงงานหลาย ๆ แห่ง อาจจะไม่สามารถกลับมาผลิตได้เต็มกำลัง และ บางแห่งอาจจะพิจารณาปิดถาวร

  

  
คราบสิ่งสกปรกบนผนังโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร จ.พระนครศรีอยุธยา อาจสะท้อนภาพความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งนางกรกฎ รัศมี ผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ กล่าวว่า แม้ผู้ประกอบการจะกลับมาฟื้นฟูโรงงานแล้ว แต่การเดินเครื่องการผลิตยังไม่เต็มกำลัง โดยผลิตสินค้าเฉพาะตามคำสั่งซื้อเดิมเท่านั้น ขณะเดียวกันนักลงทุน ยังรอประเมินความชัดเจนของแผนการบริหารจัดการน้ำจากภาครัฐทำให้อัตราการกลับมาประกอบกิจการโดยรวมมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 26.24 ของศักยภาพโรงงานทั้งหมดที่มีอยู่ 46 โรงงาน

ซึ่งในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนครมีอัตราเลิกจ้างแรงงานไปแล้วกว่า 4,700 คน จาก 12,000 คน หรือ เกือบร้อยละ 39 (38.92) ของอัตราการจ้างงานก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม โดยผู้บริหาร ยังระบุว่า ความล่าช้าในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ทำให้การก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมภายในนิคมอุตสาหกรรมต้องล่าช้าออกไป จากกำหนดการเดิม 1 เม.ย.นี้ส่งผลให้นักลงทุนญี่ปุ่นบางบริษัทปิดโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้เป็นการชั่วคราว และ อยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะปิดถาวรหรือไม่

  

  

ขณะที่การฟื้นตัวของโรงงานในสวนอุตสาหกรรมบางกะดี จังหวัดปทุมธานี อยู่ที่ประมาณร้อยละ 50-60 ของโรงงานทั้งหมด 44 โรงงาน โดยมีข้อมูลว่า ขณะนี้มี 2 บริษัทที่ปิดตัวลงและย้ายฐานการผลิตไปพื้นที่อื่น ขณะที่มี 1 บริษัทที่ย้ายฐานผลิตชั่วคราว และยังมีอีก 3บริษัทที่ยังไม่มีแผนเดินเครื่องการผลิต

สำหรับภาพรวมของการฟื้นตัวของนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ยังคงชะลอเนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งนอกจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว ยังมีปัญหาอื่นตามมาอีก ซึ่งจะมีผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอยู่ตลอด ดังนั้นความชัดเจนในนโยบายการบริหารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องการรับทราบ เพื่อประเมินทิศทางการดำเนินธุรกิจได้อย่างรอบคอบ