พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ซึ่งทำหน้าที่ประธานและควบคุมการเลือกตั้งนายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย แถลงข่าวหลังการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารชุดเก่า โดยชี้ว่าพบข้อสังเกตการลงคะแนนที่น่าสงสัยและพบว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย ในมาตรา 59 และมาตรา 115 รวมถึงข้อบังคับสมาคม พร้อมประกาศให้เป็นโมฆะ ซึ่งอ้างว่าวันที่ 23 ม.ค.2559 ได้ประกาศยุติการประชุมกลางคันไปแล้ว โดยผลการเลือกตั้ง นายสุวัจน์ ลิปตพัลล แพ้คะแนน นายสมบัติ เอื้อมมงคล แบบพลิกล็อก 19-35 คะแนน
ขณะที่นายสมบัติ เอื้อมมงคล นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ระบุว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาผู้บริหารชุดเก่าเป็นผู้ควบคุมการเลือกตั้งทั้งหมด และตัวแทนของ กกท.ไม่ได้มีข้อท้วงติงในความผิดปกติและพร้อมให้ผู้บริหารชุดเก่าตรวจสอบ
ทั้งนี้ พล.อ.ธวัชชัย เข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อให้ตรวจสอบการเลือกตั้ง โดยตั้งข้อสังเกตการมอบอำนาจของสโมสรสมาชิก รวมถึงคุณสมบัติของสโมสรสมาชิกที่ชี้ว่าหลายสโมสรขาดคุณสมบัติ แต่ผู้ว่าการ กกท.ชี้ว่าเป็นเรื่องภายในสมาคม จึงให้คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งกลับไปตรวจสอบว่ามีการทำผิดข้อบังคับจริงหรือไม่ ก่อนส่งรายงานให้ กกท.พิจารณาขึ้นทะเบียนภายใน 30 วัน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องที่ชี้ว่าสโมสรสมาชิกขาดคุณสมบัติก่อนการเลือกตั้ง มีการรับรองสโมสรสมาชิกอย่างถูกต้องไปแล้วโดยเลขาธิการสมาคม ซึ่งเกณฑ์การตรวจสอบระบุให้สโมสรสมาชิกต้องมีสนามเป็นของตัวเองอย่างน้อย 2 สนามและมีสมาชิก 20 คน ขณะที่นายสมบัติ เอื้อมมงคล เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าสโมสรสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2559 ล้วนเป็นกลุ่มเดิมที่เคยให้การสนับสนุนนายสุวัจน์มาแล้วและเผยว่าให้มาตรวจสอบบัญชีตัวเองได้เลย ซึ่งยืนยันว่าไม่เงินมากพอที่จะไปล็อบบี้เสียงส่วนใหญ่ได้
ส่วนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2559 มีปัจจัยสำคัญจากภายในลอนเทนนิส โดยนายสมบัติ เอื้อมมงคล สะท้อนให้เห็นว่าสโมสรสมาชิกส่วนใหญ่ที่ได้แรงหนุนจากบรรดาโค้ชและผู้ปกครองอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มุ่งเน้นการพัฒนาสโมสรสมาชิกและสร้างโอกาสในการเล่นอาชีพของบุตรหลาน
ใน 7 สมัยที่ผ่านมาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ โดยเฉพาะช่วง 4-5 ปีหลัง วงการเทนนิสรุ่งเรืองในแง่การจัดการแข่งขันและการดึงนักกีฬาชื่อดังมาเล่นในประเทศ แต่นายสมบัติชี้ว่าสโมสรสมาชิกส่วนใหญ่ถูกละเลยด้านการพัฒนา ทำให้การสร้างนักเทนนิสมาทดแทนภราดร ศรีชาพันธุ์ และแทมมารีน ธนสุกาญจน์ ไม่ประสบความสำเร็จ
และส่วนหนึ่งที่มีการสะท้อนจากสโมสรสมาชิกในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2559 คือการที่สโมสรใหญ่ 5 สโมสรที่เป็นส่วนสำคัญในการร่วมก่อตั้งลอนเทนนิสสมาคมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 หมดสมาชิกภาพและจำนวนสมาชิกลดน้อยถอยลงไป ความไม่พอใจของสโมสรสมาชิกทำให้เกิดกระแสตีกลับเหมือนการปฏิวัติเงียบภายในสมาคม เสียงในการสนับสนุนนายสุวัจน์เริ่มแตกทั้งจากเจ้าหน้าที่ บอร์ดบริหารและสมาชิก ประกอบกับการเลือกตั้งที่ผ่านมานายสุวัจน์ไม่เคยมีคู่แข่งเสนอตัว แต่ครั้งนี้นายสมบัติ เอื้อมมงคล ที่ถือว่ามีประสบการณ์ในวงการเทนนิสตัดสินใจเป็นตัวแทนของกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลง จึงถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม
แม้ว่า พล.อ.ธวัชชัย จะตั้งข้อสังเกตในการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและได้ประกาศเป็นโมฆะในวันนี้ (25 ม.ค.2559) แต่เป็นที่สับสนว่าประธานการเลือกตั้งมีอำนาจในการประกาศโมฆะได้หรือไม่ เพราะอำนาจที่แท้จริงตาม พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทยคือ กกท.ในฐานะนายทะเบียนและหากมีข้อสังเกตในความไม่โปร่งใส ประธานเลือกตั้งต้องขอมติที่ประชุมในการโหวตให้เป็นโมฆะ ไม่ใช่การประกาศในภายหลัง
การออกมาเคลื่อนไหวประกาศโมฆะในวันนี้อาจจะไม่มีความหมาย แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมามีสโมสรผีเกิดขึ้นหรือไม่ หรือมีใบมอบอำนาจถูกต้องหรือไม่ จึงจะมีน้ำหนักเพียงพอและหากพ้นจาก 30 วัน กกท.รับรองการเลือกตั้ง ผู้บริหารชุดเก่ายังมีสิทธิ์อุทธรณ์ไปยังบอร์ด กกท.ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณา 90 วัน