เตรียมออกหมายจับผุ้ต้องสงสัยระเบิด รร.ลีการ์เด้น หลังพบภาพจากวงจรปิด
เหตุระเบิดที่ โรงแรม ลีการ์เด้น พลาซ่า หาดใหญ่ ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายจากกล้องวงจรปิดของ โรงแรม ลีการ์เด้น พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่บันทึกภาพไว้ได้เมื่อเวลา 10.13 น.ของวันที่ 31 มี.ค. โดยในภาพพบชายสองคนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร สวมเสื้อสีดำ และแดง ทั้งคู่สวมกางเกงยีนส์ และหมวกแก๊บพลางตัว ขับรถยนต์ซีวิคสีดำป้ายทะเบียนปลอมมาจอดที่บริเวณที่จอดรถชั้นใต้ดิน บี 2
เจ้าหน้าที่คาดว่า ทั้งคู่อาศัยจังหวะที่ศูนย์การค้าเพิ่งเปิดให้บริการ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ทันระวังตัว นำรถเข้ามาโดยไม่มีการตรวจสอบ และไม่ได้รับบัตรจอดรถ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนัก รถยนต์ที่ประกอบระเบิดก็ถูกนำมาจอด ก่อนที่คนร้ายทั้งสองคนจะหลบหนีออกไป โดยเดินขึ้นจากลานจอดรถระหว่างชั้นบี 3 และ ชั้นบี 4 เข้าไปในศูนย์การค้า โดยไม่ได้เข้าไปจับจ่ายซื้อของ หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงเสียงระเบิดก็ดังขึ้น
จากข้อมูลของหน่วยงานด้านความมั่นคง เชื่อว่า ทั้งคู่เป็นเครือข่ายที่ร่วมก่อเหตุ โดยมีนายเจ๊ะมะ วานิ เป็นหัวหน้ากลุ่ม และมีนายเสรี แวมามุ นายรุสลัน ใบมะนายมูฮัมหมัด ชุกปกรี ซุกาเส็น นายวัชรินทร์ เจาะจิ และนายอุเซ็ง โต๊ะโย๊ะ คอยให้การสนับสนุน โดยนำรถที่ปล้นมา พร้อมปืนเอ็ม 16 จาก นายธนศร เกื้อสุข มาประกอบระเบิด ซึ่งก่อนหน้านี้รถยนต์คัดดังกล่าวเคยนำมาก่อเหตุยิงชาวบ้านที่ตำบลปะโด อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับ
ส่วนเหตุผลที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เลือกโรงแรม ลีการ์เด้น พลาซ่า เป็นจุดลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เนื่องจากโรงแรม ลีการ์เด้น พลาซ่า เปรียบเสมือน ลัญลักษณ์ของเมืองหาดใหญ่ ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวเมืองนี้รู้จักกันเป็นอย่างดี หากทำลายให้โรงแรมให้เกิดความเสียได้ ก็จะทำลายการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจได้ดีกว่าก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ขณะที่การตรวจสอบรถที่มีสภาพยับเยินจากแรงระเบิด มีรายงานว่า พบสารโซเดียมคลอเรท ที่เป็นส่วนผสมของยาฆ่าหญ้า ที่ขายในประเทศมาเลเซีย และสารแอมโมเนียมไนเตรด ซึ่งเป็นส่วนผสมของปุ๋ย
สำหรับโซเดียมไนเตรด และแอมโมเนียมไนเตรด เป็นสารระเบิดความแรงต่ำ มีอานุภาพรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อเกิดการระเบิดในที่อับ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุรู้ถึงคุณสมบัติข้อนี้ดี จึงเลือกที่จะจอดรถในที่จอดรถที่เป็นจุดอับ ทำให้แรงระเบิดรุนแรงมากยิ่งขึ้น
แต่ยังมีสิ่งที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาคำตอบคือ เปลวเพลิง และเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นหลังการระเบิด ซึ่งตามปกติระเบิดลักษณะนี้จะไม่เกิดเปลวเพลิง ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ยังพบว่า บริเวณซากรถยนต์อีกคันหนึ่ง ใกล้กันมีถังแก๊สที่ยังมีสภาพดี บริเวณนั้นไม่มีท่อแก๊ส ประกอบกับมีพยานให้การว่า ได้กลิ่นแก๊สก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ ตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายอาจใช้แก๊สเพื่อขยายแรงระเบิดและทำให้เกิดการเผาไหม้รุนแรง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานมากเพียงพอที่จะสรุปได้ว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นความจริง