ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รวมพลังภาคเอกชน สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ พัฒนา ‘ห้องสมุดบ้านพุรวก’

สังคม
4 เม.ย. 55
11:37
49
Logo Thai PBS
รวมพลังภาคเอกชน สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ พัฒนา ‘ห้องสมุดบ้านพุรวก’

เมื่อ “การอ่าน” คือ การเพิ่มปัญญา “ห้องสมุด” จึงเปรียบได้กับคลังทางปัญญาของทุกเพศทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่เด็กในพื้นที่ห่างไกล หรือภาคการเกษตร ล้วนต้องการอ่าน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เพิ่มปริมาณและคุณภาพให้แก่ผลผลิตตน แต่การเข้าถึงความรู้ดังกล่าวกลับขาดโอกาสและไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควร

“ห้องสมุดโรงเรียนบ้านพุรวก และศูนย์การเรียนรู้ชุมชนวัดพุรวก” ต.หนองกร่าง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ผู้นำในชุมชนเห็นความสำคัญของการอ่าน โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park และบริษัทจัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ที่เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกันจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าวขึ้น พร้อมปรับปรุงห้องสมุดโรงเรียนบ้านพุรวก ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนบ้านพุรวก ภายใต้รูปแบบของ ‘ห้องสมุดมีชีวิต’ ซึ่งในการดำเนินการครั้งยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้อำนวยโรงเรียนบ้านพุรวก คณาจารย์ ตลอดจนผู้นำชุมชน ชาวบ้านและเด็กๆ ในท้องถิ่นที่ได้มาร่วมเป็นจิตอาสาจน “ศูนย์การเรียนรู้ทั้ง 2 แห่งนี้” ถือกำเนิดขึ้น

นายประเดิม  มีล้อม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพุรวก ต.หนองกร่าง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี  กล่าวว่า โรงเรียนก่อนตั้งมานานกว่า 31 ปี เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล – ป.6  เดิมมีครูเพียง 3 คน ปัจจุบันมีครูบรรจุใหม่ 6 คน  มีนักเรียน 68 คน ส่วนหนึ่งเป็นเด็กเล็กอายุไม่ถึง 4 ขวบ แต่โรงเรียนรับดูแลให้ เพราะเป็นพื้นที่ห่างไกล ที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดผู้บริหารบ่อย การดูแลไม่ต่อเนื่องขาดความเอาใจใส่ และขาดแคลนงบประมาณในการพัฒนา โดยเฉพาะ “ห้องสมุด” ที่มีสภาพเหมือนห้องเก็บของ ไม่มีแม้กระทั้งหลังคา และมีแต่หนังสือเก่าๆ  ขาดระบบการจัดการ จึงไม่มีใครอยากเข้าไปใช้  การได้รับความช่วยเหลือจาก TK park และบริษัทจัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) ที่ได้เข้ามาปรับปรุงพัฒนาทั้งตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางหนังสือ ติดเพดาน หลังคา ทาสีใหม่ ติดพัดลมให้ และยังได้มอบหนังสือใหม่ๆ จำนวนมาก ทั้งหนังสือภาพ การ์ตูน นิทาน ธรรมะ ฯลฯ รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อการเรียนรู้ต่างๆ อาทิ เกม และกิจกรรมการเรียนรู้มากมาย พร้อมอุปกรณ์กีฬา รวมถึงช่วยจัดวางระบบการจัดการให้ด้วย  ทำให้เด็กๆ เข้ามาใช้บริการห้องสมุดกันมากขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดี

เด็กหญิงพิมพ์ ป้อมบุปผา หรือน้องเอ็ม นักเรียนชั้น ป.3 รร.บ้านพุรวก กล่าวว่า ตอนนี้ห้องสมุดไม่มีหนูหรือตะขาบแล้ว เพราะพี่ๆเข้ามาปรับปรุงทำห้องสมุดให้ใหม่ ขอบคุณพี่ๆ ที่มาสร้างห้องสมุด ทำให้พวกหนูมีหนังสืออ่านมากขึ้นและยังอยากให้มีหนังสือเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ” เช่นเดียวกับเด็กชายมีลาภ อนุภาพชัชวาล หรือน้องลาภ นักเรียนชั้น ป.5 บอกว่า “ รู้สึกดีใจที่เห็นห้องสมุดมีหนังสือให้อ่านเยอะมากขึ้น และได้เห็นเพื่อนๆ น้องๆ เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุดกันมากขึ้น ขอบคุณพี่ๆ ที่ทำให้ห้องสมุดของเราสวยขึ้นและมีหนังสืออ่านเยอะขึ้น” 
 
ส่วนน้องเหน่ง เด็กชายบุญญาวัตร์ คำเสียง นักเรียน ชั้น ป.6 บอกด้วยว่า เมื่อก่อนห้องสมุดเรามีหนังสือน้อยมาก แต่ตอนนี้มีหนังสือเยอะขึ้นและมีคอมพิวเตอร์ด้วย ก็รู้สึกดีใจ แม้ว่าตอนนี้ผมอยู่ชั้น ป.6 ใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่หนังสือเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับรุ่นน้องๆ ต่อไป ต้องขอบคุณพี่ๆทุกคนที่นำหนังสือมาให้พวกผมอ่าน

ขณะที่น้องมุก เด็กหญิงแสงดาว ห้วยหงส์ทอง นักเรียนชั้น ป.5 กล่าวว่า ปกติจะมาวัดทุกวันศุกร์ การที่วัดมีศูนย์การเรียนรู้ด้วยก็ทำให้ตนเองได้ใช้เวลาว่างเข้ามาอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้ในวันหยุด นอกจากที่ห้องสมุดโรงเรียน สำหรับหนังสือที่อ่านชอบ คือ หนังสือการ์ตูนและนิทานอีสป ดีใจมากที่มีหนังสือใหม่ๆ มาให้อ่านและยังมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้หาข้อมูลต่างๆ แค่นี้หนูก็พอใจแล้ว 

พระอธิการอำนาจ เขมงฺกโร เจ้าอาวาสวัดพุรวก ในฐานะพระผู้นำชุมชน  กล่าวว่า  ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเป็นความต้องการของคนในชุมชนที่ต้องการให้จัดทำขึ้นในพื้นที่วัด เพื่อให้วัดเป็นศูนย์กลางในการโน้มน้าวให้คนหันมาเข้าวัดมากขึ้น เพื่อรับการกล่อมเกลาทางด้านจิตใจและประโยชน์ที่สองคือ เรื่องขององค์ความรู้ ซึ่งชาวบ้านจะได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีด้านการเกษตร ซึ่งเป็นสิ่งที่ชุมชนแห่งนี้ต้องการ เพราะชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ทำอาชีพการเกษตร มีฐานะยากจน ดังนั้น การได้อ่านหนังสือดีๆ จะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพของตนต่อไป

พระอธิการอำนาจ กล่าวให้ข้อคิดว่า โดยเฉพาะเด็กที่ปัจจุบันจะเห็นว่าเด็กไทยไม่รักการอ่านกันแล้ว เราจึงต้องเร่งปลูกนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้น เพราะถ้าไม่ปลูกฝังในการอ่าน เด็กก็จะไม่รักการอ่าน  ดังนั้น จึงต้องจุดประกายการทำงานร่วมกันกับทุกส่วน ไม่ว่าที่บ้าน วัด หรือ โรงเรียน ตลอดจนชุมชนจะต้องหันมาให้ความสำคัญในส่วนนี้ เพราะการศึกษาและการอ่านเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะทำให้เกิดวิสัยทัศน์ และสามารถปรับเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้  เชื่อว่า ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ จะเป็นการจุดประกายให้กับคนในชุมชน และเกิดการรวมกลุ่มตามความถนัดขึ้น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

ด้าน ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล  รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park กล่าวว่า  ที่ผ่านมา TK park  ได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและเครือข่าย ทำกิจรรมการพัฒนาแหล่งเรียนรู้มากมายไม่ว่าจะเป็นระดับจังหวัด ระดับโรงเรียน รวมถึงโครงการแหล่งเรียนรู้ใกล้บ้านและโครงการเยาวชนจิตอาสาพัฒนาห้องสมุดมีชีวิต

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง