องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า เชื้อไวรัสซิกาที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในกลุ่มประเทศละตินอเมริกาในขณะนี้ มีโอกาสแพร่ระบาดไปยังทวีปเอเชียและแอฟริกา หลังจากเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2559 ได้ประกาศให้ไวรัสซิกาเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
ด้านองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ ย้ำเตือนให้ประชาชนป้องกันความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไวรัสซิกาด้วยการเลือกใส่เสื้อผ้าสีอ่อน สวมเสื้อผ้าให้มิดชิดและที่สำคัญคือการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปานามา เร่งฉีดพ่นยาเพื่อกำจัดยุงลายก่อนการจัดงานเทศกาลคาร์นิวัลในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค หลังจากมีรายงานพบผู้ติดเชื้อแล้ว 50 คนในเขตชุมชนชาวพื้นเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ส่วนทางการเปรูประกาศเตือนเฝ้าระวังทุกพื้นที่ทั่วประเทศและเร่งพ่นยากำจัดยุงลาย หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ
กลุ่มนักวิจัย นักเคลื่อนไหวและทนายความในบราซิล เตรียมออกมาเรียกร้องให้ทางการพิจารณาอนุญาตให้หญิงมีครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสซิกาทำแท้งได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เด็กจะมีภาวะสมองพิการและศีรษะเล็กผิดปกติ เช่นเดียวกับกรณีที่อนุญาตให้หญิงที่ตั้งครรภ์จากการถูกข่มขืนสามารถทำแท้งได้
ส่วนที่ประเทศอินเดีย นพ.กฤษณะ เอลลา ประธานบริษัทพารัท ไบโอเทค อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเตด ในเมืองไฮเดอร์ราบัด ประกาศว่า บริษัทของเขาอาจจะเป็นบริษัทแรกของโลกที่ยื่นจดสิทธิบัตรวัคซีนป้องกันไวรัสซิกา โดยมีวัคซีน 2 ชนิด แต่การจะนำไปทดสอบกับสัตว์ทดลองหรือกับมนุษย์ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน ทางบริษัทขอให้รัฐบาลอินเดียและสภาวิจัยการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือ รวมทั้งต้องการให้นายกรัฐมนตรีอินเดียเข้ามาช่วยเร่งกระบวนการพัฒนาวัคซีนและการจัดส่ง โดยลดขั้นตอนด้านกฎระเบียบ พร้อมอ้างว่าหากสำเร็จ บริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนได้ถึง 1 ล้านโดสในระยะเวลาเพียง 4 เดือน
ที่ประเทศไอร์แลนด์ ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบผู้ติดเชื้อแล้ว 2 คน โดยได้รับการรักษาจนหายดีแล้วทั้งคู่ องค์กรที่ดูแลบริการด้านสาธารณสุขไอร์แลนด์ ระบุว่า การพบผู้ติดเชื้อไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เนื่องจากมีหลายประเทศในยุโรปที่มีผู้ติดเชื้อจากการเดินทางไปพื้นที่ที่มีการระบาด ขณะที่เตือนผู้ที่ล้มป่วยหลังเดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสซิกา ภายในเวลา 2 สัปดาห์ควรจะไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ
ด้าน นพ.ทอม ฟรีเดน ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา หรือ ซีดีซี ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นรายแรก โดยผู้ติดเชื้อคนดังกล่าวอยู่ในรัฐเท็กซัส ซึ่งไม่เคยเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค แต่คู่สมรสของผู้ติดเชื้อเพิ่งเดินทางกลับจากเวเนซูเอลาและติดไวรัสซิกาจากที่นั่น
กรณีที่เกิดขึ้นส่งผลให้ซีดีซีต้องเตือนให้คู่สมรสที่เป็นเพศชายระมัดระวังการมีเพศสัมพันธ์กับสตรีมีครรภ์ หรืออาจตั้งครรภ์ ผู้อำนวยการของซีดีซี ระบุว่า การติดเชื้อผ่านการถ่ายเลือดหรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากไวรัสสามารถอยู่ในกระแสเลือดได้นานประมาณ 1 สัปดาห์ แต่เชื้อไวรัสจะอยู่ในอสุจิได้นานเท่าไหร่นั้นจะต้องมีการศึกษาเรื่องนี้อีก