“แสงวิเศษจากถ่านหิน” คว้ารางวัล “วินนี่ เดอะ ปุ๊” สารนิพนธ์ดีเด่น จาก “เรื่องเล่าระหว่างทางสู่กิโลเมตรที่ 15”
น.ส.กัลยรัตน์ กาญจนเศรษฐ์ หรือ เอิร์น เจ้าของผลงาน “แสงวิเศษจากถ่านหิน” ผู้ที่ได้รับรางวัล ประเภทสารนิพนธ์วรรณกรรมสำหรับเด็กดีเด่น ประจำปี 2554 กล่าวว่า นิทานเรื่องแสงวิเศษจากถ่านหิน เป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กอายุ 9-12 ปี ได้รับแรงบันดาลใจจากหลายส่วน ทั้งจากชีวิตซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง เรเวน ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง ทีน ไททั่นส์ ซึ่งเป็นหนังสือการ์ตูนที่ได้อ่านตอนอายุประมาณ 14 ปี นอกจากนี้ยังมาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่มีคนชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น จนเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ และใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำใจได้ จึงอยากนำประสบการณ์มาถ่ายทอดให้เด็กได้อ่านในรูปแบบของหนังสือนิทาน
“อย่างตัวหนูก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำใจได้และเรียนรู้ว่าควรจะเห็นคุณค่าในตัวเอง มุ่งมั่นทำสิ่งที่เราชอบและเป็นตัวของตัวเองต่อไป แล้วสักวันจะมีคนมองเห็น เพราะว่าเด็กในช่วงนี้กำลังต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ต้องการมีเพื่อนมากๆและเป็นที่ยอมรับ อยากจะบอกน้องๆว่า การเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ผิด การเป็นตัวของตัวเองก็สามารถเป็นที่ยอมรับได้”
ส่วน นายรัฐธนินท์ วรกมลวิวัฒน์ หรือ โอ เจ้าของผลงาน “The Girl Who Hates Pigeons” ซึ่งได้รับรางวัล ประเภทสารนิพนธ์วรรณกรรมสำหรับเด็กยอดนิยม กล่าวว่า หนังสือเรื่อง The Girl Who Hates Pigeons เป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กอายุ 13 ปี เป็นเรื่องราวของหญิงสาวรักสันโดษคนหนึ่ง และแล้ววันหนึ่งนกพิราบคู่หนึ่งมาทำรังที่ระเบียงห้อง ซึ่งเพื่อนร่วมห้องตัวเล็กๆนี้ทำให้ชีวิตและความคิดของเธอเปลี่ยนไป เป็นเรื่องราวที่แฝงไว้ด้วยแง่คิด การรู้จักเปิดใจยอมรับและการเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว
ด้าน อาจารย์ภูดิส ศิสิตศิชศักดิ์ รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ ฝ่ายพัฒนาศักยภาพนิสิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า ผลงานของนิสิตที่ได้จัดแสดงนั้น มีความหลากหลายและมีคุณค่าทั้งทางด้านวรรณกรรมและจิตรกรรม รวมทั้งหลายผลงานก็แฝงไปด้วยปรัชญา ถือเป็นการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพมาก ซึ่งวรรณกรรมสำหรับเด็กที่ได้นิสิตได้สร้างสรรค์ขึ้นนี้ ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับเด็กเท่านั้น พ่อ แม่ ผู้ปกครองก็สามารถอ่านได้ด้วย ถือว่านิสิตได้สร้างสรรค์วรรณกรรมสำหรับทุกเพศทุกวัย
อาจารย์ภูดิส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่เป็นอาจารย์ก็รู้สึกภาคภูมิใจและตื้นตันใจ ที่นิสิตมีความสามารถมากขนาดนี้ สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อสังคม และพร้อมเดินเข้าสู่ถนนสายวรรณกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน
นายทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park กล่าวว่า “ ในฐานะหน่วยงานหนึ่งที่มีส่วนในการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และสนับสนุนการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ นอกจากนี้ TK park ยังเป็นพื้นที่เปิดสำหรับเยาวชนในการสานฝันการเรียนรู้ และต่อยอดจากในห้องเรียน ออกมานอกห้องเรียน ซึ่งผลงานจากการจัดแสดงต้นฉบับสารนิพนธ์ครั้งนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของนิสิตในแต่ละปีที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะปีนี้ที่ต่างจากปีอื่นคือ มีวรรณกรรมสำหรับเยาวชนมากขึ้น ซึ่งเป็นวัยที่ใกล้เคียงกับผู้เขียน ทำให้ถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังเป็นบทเรียนและให้แง่คิดแก่น้องๆ เยาวชนได้ รางวัลนี้เป็นส่วนหนึ่งในการประคับประคอง ให้นิสิตกลุ่มนี้สามารถก้าวต่อไปจากถนนสายวัยเยาว์ ออกสู่ถนนสายวรรณกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน”
นายชัยวัฒน์ วิบูลสวัสดิ์ เจ้าของนามปากกา วินนี่ เดอะ ปุ๊ กล่าวว่า ประทับใจมากที่เห็นผลงานของนิสิตมีความหลากหลาย ซึ่งเป็นผลงานที่ดูประทับใจและน่าสนใจทั้งเนื้อหา แนวคิด รวมทั้งการจัดรูปเล่ม รวมทั้งการนำเอาประสบการณ์หรือเรื่องใกล้ตัวออกมาถ่ายทอดได้อย่างมีจินตนาการและมีชั้นเชิง และมีการสอดแทรกแง่คิดต่างๆลงในเนื้อเรื่องอีกด้วย
“เรื่องเล่าระหว่างทางสู่กิโลเมตรที่ 15 ” เป็นนิทรรศการแสดงต้นฉบับสารนิพนธ์ ของนิสิตชั้นปีที่ 4 รุ่นที่ 15 สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ถือเป็นเส้นทางของการเดินทางร่วมกันมาตลอด 4 ปี ในชีวิตของการเป็นนิสิตสาขาวรรณกรรมสำหรับเด็ก ซึ่งพวกเขาค้นพบว่า “ระหว่างทาง” มีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าจดจำ ดังนั้น สารนิพนธ์ที่จัดแสดง เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับเด็กและเยาวชน โดยใช้หลักกิโมเมตรที่ 15 สื่อแทนอายุของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ซึ่งแต่ละหลักกิโลเมตรมีผลงานมีเนื้อหาที่เหมาะกับวัยนั้นๆ เสมือนได้เดินอยู่บนถนนสายวัยเยาว์
สำหรับรางวัลวินนี่ เดอะ ปุ๊ ประเภทสารนิพนธ์วรรณกรรมสำหรับเด็กยอดนิยมมีผู้ที่ได้รับรางวัล ได้แก่ น.ส.กัลยา ทับอุไร ผลงานวรรณกรรมเยาวชนรวมเรื่องสั้น สำหรับเด็กอายุ 15 ปีขึ้นไป เรื่อง “กระดาษทดความคิด”, น.ส.ณัฐชนัน โฆษิตาภรณ์ ผลงานวรรณกรรมเยาวชนรวมเรื่องสั้นสำหรับเด็กอายุ 15 ปีขึ้นไป เรื่อง “สิ่งเล็กๆที่ลืมสังเกต”, นายรุฐธนินท์ วรกมลวิวัฒน์ ผลงานหนังสือภาพกราฟฟิกโนเวล สำหรับเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป เรื่อง “The Girl Who Hates Pigeons” และ น.ส.อิสรา บุญถึง ผลงานวรรณกรรมเยาวชน เรื่องสั้นสำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป เรื่อง “ลูกสาวร้านข้าวมันไก่”
นอกจากนี้ยังมี ‘รางวัลสามทหารเสือ’ มอบโดยอาจารย์เกริก ยุ้นพันธ์, อาจารย์ชีวัน วิสาสะ และอาจารย์ปรีดา ปัญญาจันทร์ ซึ่งผู้ได้รับรางวัลได้แก่ น.ส.ติณณา โชคจารุเนตร ผลงานนิทานภาพสำหรับเด็กอายุ 5 - 6 ปี เรื่อง “แสนสุขปลูกผัก”, น.ส.นิทาน ชุนหชา ผลงานหนังสือการ์ตูน สำหรับเด็กอายุ 14 ปีขึ้นไป เรื่อง “The Story of Maya Jett” และ น.ส.ตรีหทัย สกุลนัธที ผลงานหนังสือภาพ สำหรับเด็กอายุ 6-9 ปี เรื่อง “ทองหยอดกับฝอยทอง”