ตร.ภูธรภาค 8 ประสาน
ภายหลังที่ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ตำรวจสภ.นครศรีธรรมราช และตำรวจตระเวนชายแดน กว่า 500 นาย สนธิกำลังบุกค้นเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชแดน 4-6 ช่วงดึกที่ผ่านมา (22 เม.ย.) โดยตรวจพบของกลางเป็นจำนวนมากทั้ง ยาเสพติดทั้งยาบ้า ยาไอซ์ อาวุธ มีด และโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนหลายรายการรวมกว่า 100 เครื่อง ซึ่งการบุกค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่เรือนจำพบพฤติกรรมของนักโทษว่ามีการลักลอบสั่งยาเสพติดอยู่บ่อยครั้ง
พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวถึงความคืบหน้าในการขยายผลหลังจากตรวจค้นเรือนจำนครศรีธรรมราชเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 เม.ย.) ว่า เบื้องต้นได้ขยายผลในการจับกุมเนื่องจากพบว่า ผู้ต้องขังซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดนั้นมีการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จำนวน 14 ราย ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจค้นที่พักของเจ้าหน้าที่ทั้ง 14 รายแล้ว
นอกจากจากการตรวจค้นภายในเรือนจำ และขยายผลไปยังกลุ่มนักโทษและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์แล้ว ยังเตรียมตรวจค้นเจ้าหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ ด้วยภายในจังหวัด นครศรีธรรมราชอีกด้วยทั้งข้าราชการตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมการปกครองทั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความร่วมของ 3 หน่วยงาน คือ กรมราชทัณฑ์ ตำรวจภูธรภาค 8 และ กรมการปกครอง โดยยกเป็น "นครศรีธรรมราชโมเดล" ซึ่งมีการวางแผนร่วม 2 เดือนในการดำเนินการตรวจค้นเรือนจำครั้งนี้รวมไปถึงการขยายผลครั้งนี้จะเดินหน้ากวาดล้างเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างจริง แม้ว่าจะกระทบกับภาพลักษณ์ของหน่วยงานบ้าง แต่ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งเนื่องจาก การค้ายาเสพติดนั้นมีการเกี่ยวพันอย่างเป็นระบบทั้งภายในและภายนอกเรือนจำ
ขณะที่มาตรการเฝ้าระวังในการใช้ความรุนแรงที่อาจเกิดความไม่พอใจของกลุ่มนักโทษภายในเรือนจำและภายนอกเรือนจำ โดยเฉพาะการ "ฆ่าตัดตอน" พล.ต.ท.สันติ ระบุว่า งานด้านการข่าวได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันในการก่อความรุนแรง พร้อมคาดว่า จะเดินหน้าจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับนักโทษภายในเรือนจำต่อไป