ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช สั่งตรวจเรือนจำต่อเนื่อง
นายสุรพล แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชคนใหม่ เปิดเผยว่า การตรวจค้นเรือนจำ วานนี้ (30 เม.ย.) พบโทรศัพท์มือ 4 เครื่อง พร้อมยืนยันเจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันในการตรวจตราวิธีการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือยาเสพติด อุปกรณ์การเสพ และอาวุธต้องห้าม เข้ามาในเรือนจำ หลังการตรวจค้นเรือนจำ เมื่อวันที่22 เม.ย.ที่ผ่านมา พบทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตรวมกว่า 350 เครื่อง และพบยาเสพติด อุปกรณ์การเสพ และอาวุธต้องห้ามหลายรายการ
ด้านพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวหลังพบโทรศํพท์มือถือ และยาเสพติดภายในเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชหลายครั้ง ว่า มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากส่วนกลาง ร่วมตรวจสอบกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรือนจำ โดยมี นายสุรพล แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชคนใหม่ เป็นผู้ดูแล เบื้องต้นมีคำสั่งให้การสอบสวนแล้วเสร็จภายใน 30 วัน เบื้องต้นมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ต้องสงสัย ที่อาจเกี่ยวพันกับเครือข่ายนี้ จำนวน 13 คน ถูกย้ายให้ไปทำงานอยู่นอกเรือนจำ ไม่ให้เข้ามาทำหน้าที่ภายในเรือนจำเด็ดๆขาด จนกว่าการสืบสวนจะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการเร่งด่วนให้ดูแลมาตรการการนำเข้ารับของฝากวัสดุต่างๆ ของเรือนจำ 9 แห่ง ซึ่งเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง ได้แก่ 1.เรือนจำกลางเขาบิน 2. เรือนจำกลางบางไผ่ 3. เรือนจำกลางบางขวาง 4.เรือนจำกลางคลองเปรม 5. เรือนจำกลางพิษณุโลก 6. เรือนจำกลางระยอง7. เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 8. ทัณฑสถานบำบัดกลาง และ 9 .เรือนจำกลางสงขลา โดยจะงดรับของเยี่ยมของฝาก แต่นักโทษ หรือว่าญาติพี่น้อง ที่ต้องการจะนำเยี่ยมของฝากแก่นักโทษ ต้องไปซื้อที่ร้านค้าสวัสดิการที่ทางเรือนจำจัดเตรียมให้ในราคาเหมือนกับซื้อร้านค้าทั่วไป
ปัจจุบันเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชมีเจ้าหน้าที่ 168 คน มีนักโทษ 4,747 คน หรือคิดเป็นอัตราส่วน เจ้าหน้าที่ 1 คน ต่อการดูแลนักโทษประมาณ 28 คน ก่อนหน้านี้เรือนจำแห่งนี้ เคยส่งตัวนักโทษที่มีพฤติการณ์ของหัวหน้ากลุ่มที่มีอิทธิพลไปคุมขังไว้ที่ เรือนจำกลางเขาบิน จังหวัดราชบุรีแล้ว 40 คน เมื่อ 2 เดือนก่อน และขณะนี้มีรายงานว่า อยู่ระหว่างการจำแนกกลุ่มผู้ต้องขัง เพื่อส่งต่อผู้ต้องขังอีกชุดหนึ่งไปที่เรือนจำกลางเขาบิน