แมนซิตี้ ชนะควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดสุดท้าย วานนี้ (13 พ.ค.) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีคะแนนเท่ากันที่ 86 คะแนน โดยแมนฯซิตี้ เปิดอัล อิตติฮัด เสตเดี้ยม รับการมาเยือนของควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส โดยเริ่มเกมนาทีที่ 39 นาที แมนฯซิตี้ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของพาโบล ซาบาเลต้า ส่วนครึ่ง นาทีที่ 48 ควีนส์ปาร์ค ได้ประตูตีเสมอจากความผิดพลาดของโจลีออน เลสคอตต์ และเป็นชิบริล ซิสเซ่ที่หลุดเข้าไปยิงตุงตาข่าย และนาทีที่ 55 โจบี้ บาร์ตัน อดีตนักเตะแมนฯซิตี้ ชักศอกใส่คาร์ลอส เตเบซ จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม แถมหลังโดนใบแดงยังไปเตะขาของเซร์คิโอ อกูเอโร่ จนเพื่อนร่วมทีมต้องไปดึงตัวออกจากสนาม และนาทีที่ 65 เป็นจอห์น แมคกี โหม่งเข้าประตูให้ควีนส์ปาร์คแซงขึ้นนำ 2-1 แต่ช่วงทดเวลา เอดิน เซโก้ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองโหม่งลุกเตะมุมให้แมนฯ ซิตี้ตีเสมอ 2-2 และ กูเอโร่ ทำชิ่งหน้ากรอบโทษ ก่อนบอลจะหลุดเข้าเขตโทษให้อกูเอโร่ยิงเสียบเสาแรก เป็นประตูชัยให้แมนฯซิตี้ ชนะควีนส์ปาร์ค 3-2 พร้อมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมาครอง เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี ขณะที่ แมนฯยู ชนะซันเดอร์แลนด์ 1-0 จากประตูชัยของเวย์น รูนี่ย์ แต่มี 89 คะแนนเท่ากับแมนฯ ซิตี้ แต่ประตูได้เสียเป็นรองแมนฯ ซิตี้ 8 ประตู
ด้าน “โรแบร์โต้ มันชินี่” ผู้จัดการทีมแมนฯซิตี้ กล่าวหลังการแข่งขันว่า เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อสำหรับลูกทีมของเขาที่มาทำประตู 2 ประตูในช่วงทดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆ แต่แมนฯ ซิตี้ สมควรเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ เพราะมีสถิติที่ดีกว่าแมนฯยูในทุกๆด้าน ที่สำคัญยังเอาชนะแมนฯยูได้ทั้ง 2 นัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ขณะที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนฯยู กล่าวว่า เป็นความรู้สึกที่แทบจะทำใจไม่ได้เมื่อถูกแย่งแชมป์ออกจากมือในช่วงวินาทีสุดท้ายของเกม แต่ยินดีกับความสำเร็จของแมนฯซิตี้ในฤดูกาลนี้