ผอ.ป้อมปราบฯนัดหาทางออกร่วมกันสัปดาห์หน้า กรณีสร้างศูนย์การค้าติด "วัดเล่งเน่ยยี่"

สังคม
22 พ.ค. 55
02:01
38
Logo Thai PBS
ผอ.ป้อมปราบฯนัดหาทางออกร่วมกันสัปดาห์หน้า กรณีสร้างศูนย์การค้าติด "วัดเล่งเน่ยยี่"

เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายจะเป็นแกนกลางนัดประชุมเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในการก่อสร้างโครงการสเตชั่นวัน ในพื้นที่ติดกับวัดมังกรกมลาวาสในสัปดาห์หน้า ขณะสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า อาคารดังกล่าวห้ามดัดแปลงเพราะผิดตามข้อบัญญัติปี 2542 และ เตรียมส่งหนังสือทักท้วงถึงสำนักพระคลังข้างที่ 31 พฤษภาคมนี้

หลังจากเมื่อวานนี้ ( 21 พ.ค.) ชาวบ้านในชุมชุนย่านเยาวราชและลูกศิษย์วัดมังกรกมลาวาส หรือ เล่งเน่ยยี่ กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวบนถนนเยาวราชเดินขบวนสวดมนต์ และ ถือป้ายที่มีเนื้อหาคัดค้าน การก่อสร้างโครงการ station 1 @ china town ของบริษัท อิมพีเรียลแลนด์ จำกัด ซึ่งสร้างติดกับวัดเล่งเน่ยยี่

โดยนอกจากการแสดงพลังเพื่อคัดค้านการก่อสร้างกลุ่มผู้คัดค้านยังเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้ามาแก้ไขปัญหา และเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่แทน ซึ่งจะไม่เกิดปัญหาการดัดแปลงผิดแบบที่ยื่นขอ กรณีนี้นายดำรง เจริญยิ่ง วิศวกรฝ่ายปฎิบัติงาน กองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา เปิดเผยว่า บริษัทอินพีเรียลแลนด์ได้ทำหนังสือขอดัดแปลงอาคารโดยยื่นขอเป็นอาคารพาณิชย์และอยู่อาศัยรวม โดยชั้น 1-3 เป็นอาคารพาณิชย์ ชั้น 4-7 เป็นอาคารรวม ชั้น 8 เป็นสำนักงานซึ่งตึกเดิมเป็น 7 ชั้น

สำนักการโยธาพิจารณาแล้วว่า ไม่สามารถอนุญาตให้ดัดแปลง เพราะผิดข้อบัญญัติเรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือ บางประเภท ในท้องที่แขวงป้อมปราบฯเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พ.ศ. 2542 เพราะใกล้วัดมากไม่เกิน 50 เมตร

ขณะนี้ได้ส่งข้อทักท้วงให้ผู้อำนวยการสำนักการโยธาลงนามเพื่อออกข้อทักท้วงส่งให้กับสำนักพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นเจ้าของอาคาร เพื่อแจ้งผู้เช่าต่อไป คาดว่า น่าจะส่งได้ภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามอาคารดังกล่าวสามารถปรับปรุงซ่อมแซมได้หากทำหนังสือขออนุญาตไปยังเขตป้อมปราบฯ ซึ่งก่อนหน้านี้เขตอนุญาตให้ทำได้ แต่ต้องไม่ผิดตามหลักการของกฎหมาย

ด้านนายเฉลิมพล ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบฯ คาดว่า ในสัปดาห์หน้าจะเรียกทุกฝ่ายประชุมเพื่อหาทางออกทั้งฝ่ายวัดเล่งเน่ยยี่ สำนักงานเขตสำนักพระคลังข้างที่ เอกชนที่เป็นผู้เช่า และ สำนักการโยธา ซึ่งเขตคงไม่สามารถดำเนินการใดได้มากกว่านี้ เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมายและความเหมาะสมทางสังคม ซึ่งเมื่อไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันต้องหาทางออกร่วมกัน

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง