ผู้ดำเนินการก่อสร้างย้ำ สร้างมัสยิดเวียงป่าเป้ามีความจำเป็น
ผู้ดำเนินการก่อสร้างมัสยิดในอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ยืนยันว่า การก่อสร้างมัสยิดเพื่อใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจของชาวมุสลิมนั้น มีความจำเป็น ขณะที่ชาวบ้านเรียกร้องให้ทางจังหวัดระงับการก่อสร้าง และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีการก่อสร้างมัสยิดที่ขัดกับผลการทำประชาพิจารณ์ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่
นายกมล ถมยาวิทย์ ที่ปรึกษาอาวุโส คณะกรรมการประสานงานองค์กรเอกชน เพื่อจังหวัดชายแดนใต้ และผู้ดำเนินการก่อสร้างมัสยิดแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ระบุว่าได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านตามหลักของกฏหมายก่อนจะเริ่มก่อสร้างมัสยิด แต่ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ เพราะเห็นว่า การสร้างมัสยิดมีหลักเกณฑ์ต่างจากการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมยืนยันว่าจำเป็นต้องสร้างมัสยิดเพื่อใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจสำหรับชาวมุสลิมในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวที่นับถือศาสนาอิสลาม
ก่อนหน้านี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อหาทางออก และได้ข้อสรุปว่า การก่อสร้างมัสยิดดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบ และไม่มีข้อมูลว่าจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่ชาวบ้านกังวล โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความมั่นคง จึงเสนอเรื่องไปยังมหาเถรสมาคมและ จุฬาราชมนตรี เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา แต่ก็ยังไม่ความคืบหน้า
กรณีกลุ่มผู้คัดค้านการสร้างมัสยิดเวียงป่าเป้าเกิดจากชาวตำบลแม่เจดีย์ใหม่ และเครือข่ายพุทธศาสนิกชน พื้นที่ใกล้เคียง เข้ายื่นหนังสือให้ตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อเรียกร้องให้ระงับการก่อสร้างมัสยิดในพื้นที่บ้านโป่งน้ำร้อน ตำบลแม่เจดีย์ ในวันนี้(23 พ.ค.)โดยตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า การออกมารวมตัวกันวันนี้ ไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนา แต่ต้องการเรียกร้องสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เพราะก่อนจะมีการก่อสร้าง ชาวบ้านได้เชิญคณะกรรมการมุสลิมจังหวัดเชียงราย และ หน่วยงานราชการ มาร่วมทำประชาพิจารณ์แล้ว และมีมติไม่ให้ก่อสร้าง แต่พบว่าจนถึงขณะนี้ยังมีการเดินหน้าก่อสร้าง จึงขอให้ทางจังหวัดตั้งคณะกรรมตรวจสอบ ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะเดียวกันยังกังวลว่า การก่อสร้างจะกระทบต่อเรื่องความมั่นคงประกอบกับในพื้นที่ไม่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่