นายวัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวกับ "ไทยพีบีเอส" ว่า ประเทศเกิดความขัดแย้งมาพอสมควรแล้วถึงเวลาที่จะต้องเกิดความปรองดองในสังคมไทย โดยเฉพาะผู้ร่วมชุมนุมทางการเมืองไม่ใช่อาชญากร การเอาประมวลกฎหมายอาญาไปจับในการกระผิดโดยเฉพาะข้อหา ก่อการร้าย ถือว่า ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และได้สร้างความคับแค้นมากยิ่งขึ้น รวมถึงนำไปสู่ความขัดแย้งที่บานปลาย
"มีความเหมาะสมที่ต้องยื่น พ.ร.บ.ปรองดองต่อสภาฯ เพราะผ่านการศึกษากันมานานแล้ว โดยจำเป็นต้องทำทันทีเพื่อยุติความขัดแย้งที่มีมายาวนานกว่า 6 ปี"
นายวัฒนา กล่าวอีกว่า การนำประเด็นกฏหมายเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาในสภาฯถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกฝ่ายจะได้เอาเหตุผลไปต่อสู้กันในเวทีสภาไม่มีการบิดเบือน และ พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ได้มุ่งลบล้างความผิดให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งแน่นอน ซึ่งไม่มีการนิรโทษกรรมให้ใคร แต่จะมีการนิรโทษกรรมเฉพาะคดีการเมืองที่ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุม
ส่วนคดีที่เกี่ยวพันธ์กับการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.จะให้ยกเลิกกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ยกเลิกการกระทำ ซึ่งในเวทีสภาฯจะต้องมาถกกันว่า การแต่งตั้ง คตส.ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่
รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวเพิ่มอีกว่า ไม่กลัวว่าจะเป็นการสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ เพราะในปัจจุบันความขัดแย้งยังมีอยู่จึงจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยเอาความถูกต้องเป็นที่ตั้งแม้จะเกิดความขัดแย้งรอบใหม่จากกลุ่มคนที่ไม่ต้องการเห็นความถูกต้องก็ตาม