สถิติที่มีผู้ชมวัยเด็กและวัยรุ่นติดตามชมมากที่สุดถึง 5 ปีติดต่อกัน ส่งให้ Disney Channel กลายเป็นหนึ่งในสื่อที่มีอิทธิพลต่อเด็กอเมริกันมากที่สุด ซึ่งวันนี้ช่องมิกกี้ เมาส์ ใช้ความนิยมที่อยู่ในมือร่วมทำสงครามกับโรคอ้วน ด้วยการประกาศห้ามโฆษณาขนมหวานและฟาสต์ฟู้ดที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ นำเสนอผ่านสถานีโทรทัศน์ วิทยุ และเว็บไซต์ที่มีผู้ชมหลักเป็นเยาวชน
ปัจจุบัน สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีผู้ป่วยเป็นโรคอ้วนมากที่สุดในโลก โดยพบถึง 1 ใน 3 ในผู้ใหญ่ และเกือบ 1 ใน 6 ในเด็ก มีการประเมินกันว่าอัตราผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างสูงในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศต้องสูญเงินไปกับการรักษาโรคอ้วนและความสูญเสียทางเศรษฐกิจรวมกันปีละกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์
มาตรการใหม่ของดิสนีย์ที่จะมีผลในปี 2015 กำหนดให้ขนมที่มีส่วนผสมของโซเดียม น้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเกินกำหนด จะไม่สามารถโฆษณาผ่านช่องดิสนีย์ได้ เช่นผลิตภัณฑ์อาหารเช้า หรือ ซีเรียลที่มีน้ำตาลเกิน 10 กรัมต่อหนึ่งมื้อ โดยชุดอาหารของร้านฟาสต์ฟู้ดมากมายจะหมดสิทธิ์โฆษณากับดิสนีย์ แม้จะคิดเมนูเครื่องเคียงเพื่อสุขภาพมาใหม่ก็ตาม โดยกฏของดิสนีย์จะยอมให้ชุดอาหารที่ให้พลังงานไม่เกิน 600 แคลอรี และชุดเครื่องเคียงไม่เกิน 200 แคลอรี จึงจะสามารถโฆษณากับบริษัทได้
มาตรการนี้เกิดขึ้นไล่เลี่ยแผนการรณรงค์ของ "ไมเคิล บลูมเบิร์ก" นายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก ที่ห้ามขายเครื่องดื่มขนาดใหญ่กว่า 16 ออนซ์ ในร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและโรงภาพยนตร์ ซึ่งดิสนีย์เริ่มมาตรการทำให้อาหารร้อยละ 85 ของบริษัทที่จำหน่ายในสวนสนุกเป็นอาหารเพื่อสุขภาพตั้งแต่ปี 2006 โดยวันนี้ค่ายการ์ตูนดังยกเลิกการใช้ตัวการ์ตูนเป็นของแถมในร้านอาหารฟาสต์ฟูด และหันมาใช้สัญลักษณ์ "Mickey Check" เพื่อเป็นการรับประกันคุณภาพของอาหารที่ขายในร้านของบริษัท
การที่ดิสนีย์ออกมาตรการแบนโฆษณาอาหารขยะเป็นรายแรกๆ ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากองค์กรด้านอาหารมากมาย เพราะเห็นว่า เป็นกระบอกเสียงสำคัญให้สถานีสำหรับเด็กรายอื่นต้องหันมาทำตาม และรวมไปถึงนางมิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ที่กำลังต่อสู้กับโรคอ้วนของเด็กอเมริกัน กล่าวว่าถ้าหลายปีก่อนมีคนบอกว่าโฆษณาขนมหวานจะหายไปจากรายการการ์ตูนเธอคงไม่เชื่อ การแบนโฆษณาขนมของดิสนีย์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับวงการสื่อในงานเพื่อรณรงค์สุขภาพของชาวอเมริกัน