ปัญหานักเรียนตีกัน กับการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ 
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างนักเรียนนักศึกษา จนเป็นเหตุให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแล้วถึง 3 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 3 คน ได้รับบาดเจ็บถึง 8 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัสถึง 3 คน แม้แต่ละครั้งจะเกิดกันในหลายพื้นที่ ต่างวัน ต่างเวลา แต่ชนวนเหตุของทุกเหตุการณ์มาจากความขัดแย้งระหว่างสถาบัน และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดความสูญเสีย แม้ทุกฝ่ายจะพยายามหาทางออก แต่ก็เป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุเท่านั้น
นายวันชัย ทองสองแก้ว นักเรียนชั้น ปวส.ปี 1 โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ เป็นนักเรียนคนล่าสุดที่เสียชีวิต จากเหตุการทะเลาะวิวาทระหว่างสถาบัน และมีเพื่อนร่วมสถาบันได้รับบาดเจ็บ 2 คน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ยังมีประชาชนถูกลูกหลงเสียชีวิตอีก 1 คน คือ นางยุพา พรายงาม ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ถัดมาเพียง 1 วัน ก็เกิดเหตุนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคดุสิต ทะเลาะวิวาทกับนักเรียนโรงเรียนไทยอาชีวะ ที่หน้าตลาดนนทบุรี และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 6 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 2 คน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.นักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ ทะเลาะวิวาทกับนักเรียนโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป บนรถประจำทางสาย 129 บนถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้า ทำให้นายทศพล ใจเกื้อ พนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
จากนั้นช่วงเย็นของวันที่ 25 พ.ค. นายจักรพันธ์ โคตรจักร พนักงานขับรถประจำทางสาย 131 ก็ถึงลูกหลงจากการทะเลาะวิวาทของนักศึกษาเสียชีวิตเช่นกันชนวนเหตุทั้งหมดมาจากความขัดแย้งและเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างสถาบันที่มีมาอย่างยาวนาน และไม่ได้รับการแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง หลายสถาบันจึงแก้ปัญหาด้วยการจัดตำรวจเฝ้าหน้าโรงเรียนเกือบทุกที่ต้องใช้กำลังตำรวจไปเฝ้าตามป้ายรถประจำทางเพื่อป้องกันเหตุ
ตั้งแต่เดือน ม.ค.- พ.ค. 2555 สายด่วน 191 ได้รับแจ้งเหตุนักเรียนทะเลาะวิวาทถึง 385 ครั้ง และทุกครั้งที่จับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ ล้วนแต่เป็นนักเรียน ที่เป็นอนาคตของชาติทั้งสิ้น
หลังเหตุการณ์ที่มาจากความคึกคะนอง นักเรียนเหล่านี้ต้องหมดอนาคต เพราะถูกจับ และถูกดำเนินคดี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ที่ผ่านมาจะมีความพยายามในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจัดอบรมโครงการสุภาพบุรุษอาชีวะ ของกองบัญชาการทหารบก การเข้าโครงการวิวัฒพลเมือง
หรือแม้แต่กิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน แต่ดูเหมือนปัญหาจะไม่เบาบางลงและจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้กระทรวงศึกษา ได้จัดให้ผู้บริหารโรงเรียนกลุ่มเสี่ยงในเขตดอนเมือง หลักสี่ บางเขน มีนบุรี รวม 7 แห่ง คือ วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี วิทยาลัยช่างฝีมือปัญจวิทยา วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ มาหารือ วิธีป้องกันและแก้ปัญหา
แต่บทสรุปที่ได้ ก็มีเพียงประสานตำรวจ ครูปกครอง ออกตรวจและตั้งจุดตรวจร่วมกันตั้งแต่ช่วงเช้า 07.00 - 08.30 น. และในช่วงบ่ายตั้งแต่เลา 13.00 -17.00 น. และช่วงค่ำตั้งแต่เวลา 19.30 น. ขณะที่ปัญหาส่วนหนึ่งผู้บริหารโรงเรียนเหล่านี้ ก็ตั้งคำถามกลับไปยังผู้ปกครอง เด็กว่า ให้ความดูแลเอาใจใส่ใจบุตรดีหรือยัง