พม่ายังคุมเข้มความมั่นคง แม้เหตุรุนแรงรัฐยะไข่คลี่คลายแล้ว
สถานการณ์ภายในเมืองสิตตะเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ ล่าสุด กลับมาสู่ความสงบแล้วตามภาพนี้ที่บันทึกไว้เมื่อวาน (16 มิ.ย.) อย่างไรก็ตามความสงบเรียบร้อยนี้อยู่ภายใต้การลาดตระเวนอย่างเข้มงวดของทหารจากรัฐบาลกลางของพม่า
หลายเมืองของรัฐยะไข่ รวมถึงเมืองสิตตะเวแห่งนี้ ยังอยู่ภายใต้ประกาศห้ามออกนอกบ้านหรือเคอร์ฟิว ซึ่งประธานาธิบดีเต็งเส่ง ประกาศใช้ตั้งแต่เวลาฟ้าสางจรดพลบค่ำ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการปะทะกันรอบใหม่ระหว่างคนพม่านับถือพุทธกับชาวมุสลิมโรฮิงยา ซึ่งพม่าถือว่าเป็นพวกอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายจากบังคลาเทศและไม่นับว่าเป็นพลเมืองของพม่า อย่างไรก็ตามชาวโรฮิงยาก็อ้างว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในดินแดนของพม่ามาแต่ดั้งเดิม
ทางการพม่าระบุว่าการปะทะกันระหว่างชาวพุทธกับชาวโรฮิงยา ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปทั้งสิ้น 50 คน พร้อมกันนี้ รัฐบาลพม่ายังชี้ไปที่ชนวนเหตุด้วยว่าเกิดจากชาวโรฮิงยา พม่าอ้างว่าชายชาวโรฮิงยา 3 คนไปก่อเหตุข่มขืนแล้วฆ่าหญิงชาวพุทธ จากนั้นชาวพม่านับถือพุทธประมาณ 300 คนได้บุกมารุมประชาทัณฑ์ชาวโรฮิงยาเสียชีวิตไป 10 คน ซึ่งการแก้แค้นได้ลุกลามไปในหลายพื้นที่อย่างรวดเร็ว
ด้านนางอองซานซูจี ผู้นำเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนยุโรปครั้งแรกในรอบ 24 ปี เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) เธอได้เข้ารับมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในกรุงออสโลว์ของนอร์เวย์ ซึ่งเป็นรางวัลที่ทางโนเบลประกาศให้มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2534 หรือเมื่อ 21 ปีที่แล้ว
ท่อนหนึ่งของสุนทรพจน์ในพิธีนางซูจีระบุว่า นอร์เวย์คือเพื่อนในยามยากที่ยืนหยัดเคียงข้างพม่ามาตลอดช่วงเวลาอันมืดมิด ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงพูดมาคลอดว่า จุดหมายแรกของการเดินทางเยือนต่างประเทศจึงต้องเป็นนอร์เวย์
ในวันนี้ (17 มิ.ย.) นางซูจีจะร่วมเดินทางไปยังไอร์แลนด์พร้อมกับนายโบโน่ นักร้องนำของวงดนตรี"ยูทู" ซึ่งจะมีการแสดงคอนเสิร์ตอย่างยิ่งใหญ่เพื่อยกย่องเกียรติคุณของนางซูจีในกรุงดับลิน