เครือข่ายเภสัชกรร้อง รมว.สธ. ให้ผลักดัน พ.ร.บ.ยา หวังแก้กรณี เภสัชฯ แขวนป้าย
เครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรผู้บริโภค และนิสิตนักศึกษา เข้ายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้ เร่งออกกฎกระทรวง ควบคุมเภสัชกรให้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในร้านขายยาตลอดเวลา ตามพ.ร.บ.ยา ปี 2510 หลังพบว่า ยังมีร้านขายยาจำนวนมากที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
โดยสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปี 2549 พบว่า มีเภสัชกรอยู่ประจำร้านยาเพียงร้อยละ 33 เช่นเดียวกับผลสำรวจของแผนพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยาปี 2554 ในพื้นที่ 10 จังหวัด ที่พบว่า มีเภสัชกรอยู่ประจำร้านยาตลอดเวลาเพียง 266 แห่ง จากร้านขายยาที่สำรวจทั้งหมด 1,127 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 23.6 เท่านั้น ขณะนี้จึงมีร้านขายยาถึงร้อยละ 80 ที่กำลังละเมิดสิทธิผู้บริโภค ฝ่าฝืนกฎหมายและทำการส่งมอบยาที่สุ่มเสี่ยงอัตรายให้กับประชาชน
นอกจากนี้ เครือข่ายฯ ยังเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งลงนาม พ.ร.บ.ยา ฉบับภาคประชาชน เพื่อผลักดันออกเป็นกฎหมายโดยเร็ว แทน พ.ร.บ.ยา ปี2510 ซึ่งมีความล้าหลัง และไม่ครอบคลุมการแก้ปัญหา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ จะช่วยอุดช่องโหว่และแก้ปัญหาเรื่องเภสัชกรแขวนป้าย รวมถึง ควบคุมการขายยาราคาแพง และการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรมให้ดีขึ้น
ขณะที่เภสัชกรกิตติ พิทักษ์นิตินันท์ เลขาธิการสภาเภสัชกรรม บอกว่า ปัจจุบันมีเภสัชกรที่ขึ้นทะเบียนทั่วประเทศ 30,000 คน ขณะที่ร้านขายยามีทั้งหมด 12,000 พันแห่ง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผล ที่จะเปิดร้านขายยาโดยไม่มีเภสัชกรอยู่ประจำร้าน ทั้งนี้ในช่วง 3 ถึง 4 ปีทีผ่านมา สภาเภสัชกรรม ได้ทำการพักใช้ใบอนุญาตร้านขายยาที่ฝ่าฝืนกฎหมายไปแล้ว กว่า 400 แห่ง โดยผู้ที่กระทำผิดเป็นครั้งที่ 2 จะต้องถูกลงโทษโดยการเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป