ผู้ประกอบการแนะรัฐฯ หาตลาดใหม่ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
ในงานเสวนาทางรอดส่งออกไทยภายใต้วิกฤตอียู ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ นายสมพร จิตเป็นธม รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เชื่อว่า ปัญหาดังกล่าวจะยืดเยื้อ และรุนแรงกว่าวิกฤตการเงินในสหรัฐ
ด้านประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยชี้ว่า การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบ แม้สหภาพยุโรป หรือ อียู ไม่ใช่ตลาดใหญ่ โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ติดลบ ร้อยละ 10.6 ซึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และ อัญมณี
ด้านนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ระบุว่า การส่งออกอัญมณีไปตลาดอียู 5 เดือนแรก ติดลบ ร้อยละ 17.4 สำหรับทางออกของปัญหาผู้ประกอบการต่างเห็นตรงกันว่า รัฐบาลต้องหาตลาดใหม่ เพื่อชดเชยการส่งออกของตลาดเก่าที่มีปัญหา เช่น อาเซียน ละตินอเมริกา พร้อมส่งเสริมการค้าชายแดนและสนับสนุนการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้ง ควรให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้มีบางรายชะลอการผลิตแล้ว
ขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ กับอียูให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากแนวโน้มถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ จีเอสพี ในปี 2557 สำหรับเป้าหมายการส่งออกของรัฐบาลที่ร้อยละ 15 มีความเป็นได้ หากรัฐบาลสามารถดันยอดการส่งออกให้ได้เดือนละ 26,000 ล้านบาท นับจากนี้จนถึงสิ้นปี