การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในปี 2024 ทำให้ปีที่ผ่านมามีระดับน้ำทะเลปานกลางสูงที่สุดตลอดกาล และเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ตามค่าเฉลี่ย

เดิมทีนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าระดับน้ำทะเลของโลกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.43 เซนติเมตรต่อปี แต่เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 0.59 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย ก่อให้เกิดความกังวลว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่าที่จะสามารถคาดการณ์หรือรับมือได้

ภาพถ่ายคาบสมุทรฟลอริด้าจากอวกาศ ถ่ายเมื่อปี 1992 โดยรัฐฟลอริด้าคือหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในปี 2024 ที่สูงขึ้นกว่าปกติ

“การเพิ่มขึ้นที่เราเห็นในปี 2024 สูงกว่าที่คาดไว้” Josh Willis นักวิจัยจาก Jet Propulsion Laboratory กล่าว “แต่ละปีมันจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่สิ่งที่ชัดเจนคือระดับน้ำทะเลยังคงเพิ่มขึ้น และอัตราการเพิ่มขึ้นนั้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ”

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลนั้นเกิดจากการที่น้ำแข็งที่อยู่บนแผ่นดิน เช่น บนเกาะกรีนแลนด์หรือแอนตาร์กติกา ละลายและไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้ระดับน้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นในปี 2024 นั้นต่างออกไปเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่น้ำในมหาสมุทรนั้นร้อนขึ้นและขยายตัว

แผนภูมิเปรียบเทียบอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในแต่ละปีตั้งแต่เก็บข้อมูลมาเมื่อปี 1993 จนถึงปัจจุบัน โดยพบว่าปี 2024 เกินกว่าค่าเฉลี่ยที่ 0.43 เซนติเมตรต่อปี และรวมแล้วระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นมาแล้วมากกว่า 10 เซนติเมตร

และอันเนื่องมาจากปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มหาสมุทรของเราก็ดูดซับความร้อนเข้าไปด้วยเช่นกัน ตามมาด้วยการขยายตัวของน้ำในมหาสมุทรทั่วทั้งโลก ซึ่งนั้นก็คือเหตุผลที่อัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา

การบันทึกระดับน้ำทะเลที่เปลี่ยนแปลงจากสภาวะโลกร้อนเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1992 โดยดาวเทียม TOPEX/Poseidon โดยที่ตั้งแต่การจดบันทึกในปี 1993 จนถึงตอนนี้ระดับน้ำทะเลนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เซนติเมตรไปแล้ว

ผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเท่าเทียมกันทั่วโลก มีบางภูมิภาคที่เผชิญกับความเสี่ยงสูงกว่าที่อื่น เนื่องจากปัจจัยด้านธรณีวิทยาและสมุทรศาสตร์ อย่างพื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กรุงเทพฯ และจาการ์ตา มีแนวโน้มจมลงเร็วขึ้นจากทั้งการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและการทรุดตัวของพื้นดิน ส่วนเมืองชายฝั่งในสหรัฐอเมริกา เช่น นิวออร์ลีนส์ ไมอามี และนิวยอร์ก ก็เผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ภาพถ่ายของหิ้งน้ำแข็ง B-15A ในทะเล Ross ทวีปแอนตาร์กติกา โดยถ่ายเมื่อปี 2001 ซึ่งปัจจุบันหิ้งน้ำแข็งนี้ได้หลุดออกและละลายหายไปในมหาสมุทรกลายเป็นระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นในมหาสมุทรเรียบร้อยแล้ว ภาพจาก NSF_Josh Landis

ความร้อนสะสมในมหาสมุทรทำให้พายุและสภาพอากาศสุดขั้วรุนแรงกว่าเดิม พายุเฮอริเคนและไต้ฝุ่นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาสร้างความเสียหายหนักขึ้น ขณะเดียวกัน ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ชายฝั่ง และยังส่งผลให้การระบายน้ำฝนเป็นไปอย่างล่าช้า นอกจากนี้ คลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge) ที่เกิดระหว่างพายุใหญ่ก็ทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบในวงกว้าง

การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเปรียบเสมือนภัยเงียบที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างที่ใครหลาย ๆ คนคิดไม่ถึง ดังนั้นการติดตามระดับการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลในระดับมิลลิเมตรถือเป็นโจทย์สำคัญที่ช่วยทำให้เราสามารถติดตามและคาดการณ์สถานการณ์เพื่อพร้อมรับมือกับปัญหาหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นได้ในอนาคต การที่ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกว่าการคาดการณ์จึงเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ทำให้เราต้องหันมาสนใจประเด็นนี้ให้มากยิ่งขึ้น

เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์

อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS

ที่มาข้อมูล : NASA

“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

สรุปประเด็นให้โดย Generative AI

NASA พบปี 2024 ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด