ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ญี่ปุ่นมาแรง ! ถีบเรือเป็ดคนเดียวก็งั้นๆ จัดงานแต่งกับตัวเองสิเริดกว่า

ออกอากาศ16 มี.ค. 68

ฟูจิเซ็นเซจะพาไปเจาะลึกเทรนด์ที่กำลังมาแรงในญี่ปุ่น นั่นคือ "โอฮิโทริซามะ" หรือการทำอะไรคนเดียว !

เทรนด์ "โอฮิโทริซามะ" หรือวัฒนธรรมการทำอะไรคนเดียวกำลังมาแรงในญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ ตัวเลขจากการสำรวจในปี 2020 เผยว่าผู้ชายญี่ปุ่น 63.1% นิยมไปกินราเมงคนเดียว ขณะที่ผู้หญิง 58.9% ชอบไปคาเฟ่ตามลำพัง นอกจากนี้ ในปี 2035 ญี่ปุ่นจะมีประชากรโสดเกือบครึ่งประเทศ และบ้านที่มีคนอาศัยอยู่คนเดียวถึง 40% หลังสถานการณ์โควิด-19 คนวัยทำงานญี่ปุ่นที่ชอบกินอาหารกลางวันคนเดียวเพิ่มจาก 50% เป็น 75% และคนที่อยากเที่ยวคนเดียวเพิ่มจาก 16% เป็น 27% แสดงให้เห็นว่าเทรนด์การทำอะไรคนเดียวกำลังสูงขึ้นในทุกรูปแบบ

ฟูจิเซ็นเซได้ทดลองใช้ชีวิตแบบ "โอฮิโทริซามะ" โดยเริ่มต้นที่ร้านชาบูสำหรับคนเดียว ซึ่งมีฉากกั้นเป็นสัดส่วน ลูกค้าสามารถเลือกขนาดของอาหารได้ตามต้องการ ไม่ต้องแบ่งหรือรอใคร กินเสร็จก็กลับได้เลย เจ้าของร้านอธิบายว่า การมากินคนเดียวในปัจจุบันเป็นเรื่องง่าย เพราะมีคนทำแบบนี้เยอะขึ้น ทำให้ไม่รู้สึกอายหรือแปลกแยก จากร้านอาหาร ฟูจิเซ็นเซไปต่อที่ร้าน "family restaurant" ซึ่งแต่เดิมเป็นร้านสำหรับครอบครัว แต่ปัจจุบันได้ปรับเลย์เอาท์ใหม่ โดยมีที่นั่งแบบเดี่ยวมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มาคนเดียว ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโต

ในสำนักงาน คนญี่ปุ่นก็มีสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขณะทำงานท่ามกลางผู้คน นั่นคือเต็นท์ตัวคนเดียวที่สามารถตั้งบนโต๊ะทำงาน ออกแบบมาอย่างรอบคอบให้ใช้ชีวิตในนั้นได้อย่างมีสมาธิ ทั้งทำงานและเล่นเกม มีหน้าต่างตาข่ายที่เปิดปิดได้ ระบายอากาศได้ดี และติดตั้งง่าย เริ่มวางจำหน่ายในปี 2014 โดยบริษัทเฟอร์นิเจอร์สำหรับเกมเมอร์ แต่ได้รับความสนใจจากหลากหลายอาชีพ ทั้งนักวาดภาพประกอบ นักออกแบบ และนักเขียน แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ "Solo Wedding" หรือการถ่ายรูปแต่งงานคนเดียวที่สตูดิโอถ่ายภาพในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการถ่ายรูปชุดแต่งงานที่มีแค่เจ้าสาวคนเดียว โดยไม่มีเจ้าบ่าว ในบรรยากาศเหมือนงานแต่งงานจริง มีครอบครัวและเพื่อนมาร่วมถ่ายภาพด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 19,000 เยน

จุดเริ่มต้นของเทรนด์นี้มาจากช่วงธันวาคม 2019 ในช่วงโควิด ที่หลายคนไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสจัดงานแต่งงานได้หรือไม่ จึงเลือกถ่ายรูปแบบนี้แทน แล้วเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสความนิยม ปัจจุบันมี 25 สาขาทั่วประเทศ และมีคนมาขอถ่ายแบบนี้ประมาณ 500 ครั้งต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สาวที่มาถ่ายภาพแต่งงานคนเดียวเล่าว่า แม้อายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่อยากมีภาพบรรยากาศแบบนี้ไว้ก่อนที่จะสูงวัยกว่านี้ เธอระบุว่าข้อดีของการทำอะไรคนเดียวคือไม่ต้องเกรงใจคนอื่น อยากไปเวลาไหนหรือตอนไหนก็ไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องปรับตามใคร

งานวิจัยเกี่ยวกับ "โอฮิโทริซามะ" เผยว่าวัฒนธรรมนี้เริ่มต้นจากปี 1970 ที่ญี่ปุ่นมีการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ 3 รุ่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนญี่ปุ่นเริ่มต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น จนกระทั่งปี 1990 เศรษฐกิจถดถอย ทำให้หลายคนต้องอยู่คนเดียว และในยุค 2000-2020 เศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้เกิดแนวคิด "โซโลคัตสึ" หรือ "ฮิโทริ" ที่หมายถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ คนเดียว และพบอีกว่าในปี 1993 คนอายุ 20-30 ปีที่ชอบอยู่กับทุกคนมี 56.2% และชอบอยู่คนเดียว 43.5% แต่ในปี 2023 กลับกลายเป็นชอบอยู่กับทุกคน 43.7% และชอบอยู่คนเดียวถึง 56.3% นอกจากนี้ยังพบว่าคนวัย 60 ปีอยากอยู่คนเดียวถึง 80.7% สูงกว่าคนวัย 20 ปีซึ่งอยากอยู่คนเดียว 55.4%

แต่น่าสนใจว่า แม้จะมีคนอยากทำอะไรคนเดียวมากถึง 80% แต่ทำได้จริงเพียง 40% เนื่องจากความกังวล ความอาย หรือความรับผิดชอบต่อครอบครัว นักวิจัยจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "ฮิโทริ แมกม่า" หรือ "ลาวาคนเดียว" ที่หมายถึงพลังงานหรือความต้องการที่จะอยู่คนเดียวที่สะสมอยู่ภายใน รอการระเบิดออกมา อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังพบว่าคนญี่ปุ่นไม่ได้ต้องการตัดขาดจากสังคมทั้งหมด แต่ต้องการทั้ง "โหมดอยู่คนเดียว" และ "โหมดอยู่กับคนอื่น" พวกเขายังให้ความสำคัญกับครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน แค่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวในบางช่วงเวลาเท่านั้น

คำถามสำคัญคือ เทรนด์โอฮิโทริซามะจะเข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทยมากน้อยแค่ไหน? ในยุคที่คนเราต่างมีความต้องการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องการความสัมพันธ์กับผู้อื่น เราจะสร้างสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวกับการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไร?

ติดตามชมได้ในรายการ ดูให้รู้ วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2568 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live และติดตามความเคลื่อนไหวของรายการได้ที่ www.facebook.com/Dohiru

ฟูจิเซ็นเซจะพาไปเจาะลึกเทรนด์ที่กำลังมาแรงในญี่ปุ่น นั่นคือ "โอฮิโทริซามะ" หรือการทำอะไรคนเดียว !

เทรนด์ "โอฮิโทริซามะ" หรือวัฒนธรรมการทำอะไรคนเดียวกำลังมาแรงในญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ ตัวเลขจากการสำรวจในปี 2020 เผยว่าผู้ชายญี่ปุ่น 63.1% นิยมไปกินราเมงคนเดียว ขณะที่ผู้หญิง 58.9% ชอบไปคาเฟ่ตามลำพัง นอกจากนี้ ในปี 2035 ญี่ปุ่นจะมีประชากรโสดเกือบครึ่งประเทศ และบ้านที่มีคนอาศัยอยู่คนเดียวถึง 40% หลังสถานการณ์โควิด-19 คนวัยทำงานญี่ปุ่นที่ชอบกินอาหารกลางวันคนเดียวเพิ่มจาก 50% เป็น 75% และคนที่อยากเที่ยวคนเดียวเพิ่มจาก 16% เป็น 27% แสดงให้เห็นว่าเทรนด์การทำอะไรคนเดียวกำลังสูงขึ้นในทุกรูปแบบ

ฟูจิเซ็นเซได้ทดลองใช้ชีวิตแบบ "โอฮิโทริซามะ" โดยเริ่มต้นที่ร้านชาบูสำหรับคนเดียว ซึ่งมีฉากกั้นเป็นสัดส่วน ลูกค้าสามารถเลือกขนาดของอาหารได้ตามต้องการ ไม่ต้องแบ่งหรือรอใคร กินเสร็จก็กลับได้เลย เจ้าของร้านอธิบายว่า การมากินคนเดียวในปัจจุบันเป็นเรื่องง่าย เพราะมีคนทำแบบนี้เยอะขึ้น ทำให้ไม่รู้สึกอายหรือแปลกแยก จากร้านอาหาร ฟูจิเซ็นเซไปต่อที่ร้าน "family restaurant" ซึ่งแต่เดิมเป็นร้านสำหรับครอบครัว แต่ปัจจุบันได้ปรับเลย์เอาท์ใหม่ โดยมีที่นั่งแบบเดี่ยวมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มาคนเดียว ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโต

ในสำนักงาน คนญี่ปุ่นก็มีสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขณะทำงานท่ามกลางผู้คน นั่นคือเต็นท์ตัวคนเดียวที่สามารถตั้งบนโต๊ะทำงาน ออกแบบมาอย่างรอบคอบให้ใช้ชีวิตในนั้นได้อย่างมีสมาธิ ทั้งทำงานและเล่นเกม มีหน้าต่างตาข่ายที่เปิดปิดได้ ระบายอากาศได้ดี และติดตั้งง่าย เริ่มวางจำหน่ายในปี 2014 โดยบริษัทเฟอร์นิเจอร์สำหรับเกมเมอร์ แต่ได้รับความสนใจจากหลากหลายอาชีพ ทั้งนักวาดภาพประกอบ นักออกแบบ และนักเขียน แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ "Solo Wedding" หรือการถ่ายรูปแต่งงานคนเดียวที่สตูดิโอถ่ายภาพในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการถ่ายรูปชุดแต่งงานที่มีแค่เจ้าสาวคนเดียว โดยไม่มีเจ้าบ่าว ในบรรยากาศเหมือนงานแต่งงานจริง มีครอบครัวและเพื่อนมาร่วมถ่ายภาพด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 19,000 เยน

จุดเริ่มต้นของเทรนด์นี้มาจากช่วงธันวาคม 2019 ในช่วงโควิด ที่หลายคนไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสจัดงานแต่งงานได้หรือไม่ จึงเลือกถ่ายรูปแบบนี้แทน แล้วเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสความนิยม ปัจจุบันมี 25 สาขาทั่วประเทศ และมีคนมาขอถ่ายแบบนี้ประมาณ 500 ครั้งต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สาวที่มาถ่ายภาพแต่งงานคนเดียวเล่าว่า แม้อายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่อยากมีภาพบรรยากาศแบบนี้ไว้ก่อนที่จะสูงวัยกว่านี้ เธอระบุว่าข้อดีของการทำอะไรคนเดียวคือไม่ต้องเกรงใจคนอื่น อยากไปเวลาไหนหรือตอนไหนก็ไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องปรับตามใคร

งานวิจัยเกี่ยวกับ "โอฮิโทริซามะ" เผยว่าวัฒนธรรมนี้เริ่มต้นจากปี 1970 ที่ญี่ปุ่นมีการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ 3 รุ่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนญี่ปุ่นเริ่มต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น จนกระทั่งปี 1990 เศรษฐกิจถดถอย ทำให้หลายคนต้องอยู่คนเดียว และในยุค 2000-2020 เศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้เกิดแนวคิด "โซโลคัตสึ" หรือ "ฮิโทริ" ที่หมายถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ คนเดียว และพบอีกว่าในปี 1993 คนอายุ 20-30 ปีที่ชอบอยู่กับทุกคนมี 56.2% และชอบอยู่คนเดียว 43.5% แต่ในปี 2023 กลับกลายเป็นชอบอยู่กับทุกคน 43.7% และชอบอยู่คนเดียวถึง 56.3% นอกจากนี้ยังพบว่าคนวัย 60 ปีอยากอยู่คนเดียวถึง 80.7% สูงกว่าคนวัย 20 ปีซึ่งอยากอยู่คนเดียว 55.4%

แต่น่าสนใจว่า แม้จะมีคนอยากทำอะไรคนเดียวมากถึง 80% แต่ทำได้จริงเพียง 40% เนื่องจากความกังวล ความอาย หรือความรับผิดชอบต่อครอบครัว นักวิจัยจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "ฮิโทริ แมกม่า" หรือ "ลาวาคนเดียว" ที่หมายถึงพลังงานหรือความต้องการที่จะอยู่คนเดียวที่สะสมอยู่ภายใน รอการระเบิดออกมา อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังพบว่าคนญี่ปุ่นไม่ได้ต้องการตัดขาดจากสังคมทั้งหมด แต่ต้องการทั้ง "โหมดอยู่คนเดียว" และ "โหมดอยู่กับคนอื่น" พวกเขายังให้ความสำคัญกับครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน แค่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวในบางช่วงเวลาเท่านั้น

คำถามสำคัญคือ เทรนด์โอฮิโทริซามะจะเข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทยมากน้อยแค่ไหน? ในยุคที่คนเราต่างมีความต้องการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องการความสัมพันธ์กับผู้อื่น เราจะสร้างสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวกับการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไร?

ติดตามชมได้ในรายการ ดูให้รู้ วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2568 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live และติดตามความเคลื่อนไหวของรายการได้ที่ www.facebook.com/Dohiru

ละครดี ซีรีส์เด่น

ดูทั้งหมด
ละครบ้านชนะใจ

♫ ♫ Songs Popular ♫ ♫

ดูทั้งหมด

คลิปมาใหม่

คนดูเยอะ 👀

ดูทั้งหมด

เสน่ห์ประเทศไทย