เปิดความลับธุรกิจญี่ปุ่นที่มีอายุเกิน 100 ปี มากที่สุดในโลก เคล็ดลับความยั่งยืนอยู่ที่ไหน และคนไทยจะเรียนรู้อะไรได้บ้าง มาร่วมพูดคุยประเด็นนี้กับ ผศ. ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีธุรกิจที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลก โดยมีจำนวนบริษัทที่มีอายุมากกว่า 100 ปีมากถึง 20,000 แห่ง ซึ่งเป็นสถิติที่น่าทึ่งและน่าศึกษา วันนี้เราจะมาค้นหาคำตอบว่าทำไมธุรกิจญี่ปุ่นจึงสามารถสืบทอดกิจการได้อย่างยั่งยืน และมีข้อคิดอะไรที่คนไทยสามารถนำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจของตัวเองได้บ้าง
หนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นอยู่รอดได้ยาวนาน คือการที่เจ้าของธุรกิจมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการทำธุรกิจอย่างแท้จริง พวกเขาไม่ได้มองเรื่องกำไรเป็นเป้าหมายหลัก แต่จะมุ่งเน้นการสั่งสม Know-how (ความรู้ความชำนาญ) ในงานที่ตัวเองถนัดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถพัฒนาสินค้าและบริการได้อย่างมีคุณภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด
แม้ว่าอุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไป แต่พวกเขาก็จะสามารถปรับตัวและนำความเชี่ยวชาญเดิมมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่การทิ้งไปแล้วไปทำอาชีพใหม่ ซึ่งจะทำให้สูญเสีย Know-how ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นสามารถดำเนินต่อเนื่องได้เป็นร้อยปี คือการสืบทอดธุรกิจภายในครอบครัว โดยที่เจ้าของกิจการจะส่งต่อธุรกิจให้กับลูกหลานอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นการปลูกฝังให้ลูกหลานเห็นความสำคัญและภาคภูมิใจในกิจการที่สร้างมา
แตกต่างจากบริษัทในไทยหรือตะวันตก ที่มักจะเกิดปัญหาการสืบทอดระหว่างรุ่น เนื่องจากลูกหลานไม่ค่อยสนใจที่จะสืบทอดกิจการ แต่ต้องการไปทำธุรกิจอื่นที่ดูแล้วมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
ในขณะที่ญี่ปุ่น เจ้าของกิจการจะปล่อยให้ลูกหลานมาบริหารธุรกิจด้วยตัวเอง โดยไม่ยุ่งเกี่ยว ซึ่งทำให้ลูกหลานรู้สึกว่าได้รับความไว้วางใจและมีอิสระในการตัดสินใจ จึงเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจและอยากจะพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีความสามารถในการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมและการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของพวกเขา
ยกตัวอย่างเช่น ร้านขนมโพรายะ ที่ขายวุ้นถั่วแดงมาตั้งแต่ 500 ปีที่แล้ว แต่ก็สามารถปรับตัวและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ขนมปังปิ้งใช้แยมถั่วแดง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ได้
ในขณะเดียวกัน พวกเขายังคงรักษาแก่นแท้ของธุรกิจ คือการทำสินค้าคุณภาพดีที่สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า แม้จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามกาลเวลา
นี่คือสิ่งที่คนไทยควรเรียนรู้ คือการแยกแยะระหว่างแก่นและเปลือกของธุรกิจ โดยเน้นการรักษาแก่นที่เป็นจุดแข็งขององค์กร แล้วค่อยปรับเปลือกให้ทันสมัยและตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นยืนหยัดอยู่ได้ คือการมีวิสัยทัศน์ระยะยาวและมุ่งเน้นการทำเพื่อส่วนรวม แทนการมุ่งเน้นกำไรเป็นหลัก
ผู้ประกอบการญี่ปุ่นมักจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายในการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด แต่จะมุ่งเน้นการรักษาธุรกิจให้อยู่รอดได้ในระยะยาว โดยไม่กลัวที่จะลงทุนในการพัฒนาองค์กรและสินค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ พวกเขายังมีความคิดที่ว่า การทำธุรกิจควรจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวม ไม่ใช่เพียงแค่การทำกำไรสูงสุดเพื่อตัวเอง ซึ่งแนวคิดนี้ช่วยให้พนักงานและลูกค้ารู้สึกผูกพันและร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ธุรกิจญี่ปุ่นที่มีอายุเกิน 100 ปี มีหลายปัจจัยที่ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งมั่นสั่งสม Know-how, การสืบทอดธุรกิจระหว่างรุ่น, การสร้างสมดุลระหว่างอนุรักษ์และปรับตัว และการมีวิสัยทัศน์ระยะยาวและทำเพื่อส่วนรวม
สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่ต้องการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืน โดยอาจนำแนวคิดและวิธีการบางส่วนมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/105625
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/105547
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live
เปิดความลับธุรกิจญี่ปุ่นที่มีอายุเกิน 100 ปี มากที่สุดในโลก เคล็ดลับความยั่งยืนอยู่ที่ไหน และคนไทยจะเรียนรู้อะไรได้บ้าง มาร่วมพูดคุยประเด็นนี้กับ ผศ. ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีธุรกิจที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลก โดยมีจำนวนบริษัทที่มีอายุมากกว่า 100 ปีมากถึง 20,000 แห่ง ซึ่งเป็นสถิติที่น่าทึ่งและน่าศึกษา วันนี้เราจะมาค้นหาคำตอบว่าทำไมธุรกิจญี่ปุ่นจึงสามารถสืบทอดกิจการได้อย่างยั่งยืน และมีข้อคิดอะไรที่คนไทยสามารถนำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจของตัวเองได้บ้าง
หนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นอยู่รอดได้ยาวนาน คือการที่เจ้าของธุรกิจมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการทำธุรกิจอย่างแท้จริง พวกเขาไม่ได้มองเรื่องกำไรเป็นเป้าหมายหลัก แต่จะมุ่งเน้นการสั่งสม Know-how (ความรู้ความชำนาญ) ในงานที่ตัวเองถนัดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถพัฒนาสินค้าและบริการได้อย่างมีคุณภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด
แม้ว่าอุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไป แต่พวกเขาก็จะสามารถปรับตัวและนำความเชี่ยวชาญเดิมมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่การทิ้งไปแล้วไปทำอาชีพใหม่ ซึ่งจะทำให้สูญเสีย Know-how ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นสามารถดำเนินต่อเนื่องได้เป็นร้อยปี คือการสืบทอดธุรกิจภายในครอบครัว โดยที่เจ้าของกิจการจะส่งต่อธุรกิจให้กับลูกหลานอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นการปลูกฝังให้ลูกหลานเห็นความสำคัญและภาคภูมิใจในกิจการที่สร้างมา
แตกต่างจากบริษัทในไทยหรือตะวันตก ที่มักจะเกิดปัญหาการสืบทอดระหว่างรุ่น เนื่องจากลูกหลานไม่ค่อยสนใจที่จะสืบทอดกิจการ แต่ต้องการไปทำธุรกิจอื่นที่ดูแล้วมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
ในขณะที่ญี่ปุ่น เจ้าของกิจการจะปล่อยให้ลูกหลานมาบริหารธุรกิจด้วยตัวเอง โดยไม่ยุ่งเกี่ยว ซึ่งทำให้ลูกหลานรู้สึกว่าได้รับความไว้วางใจและมีอิสระในการตัดสินใจ จึงเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจและอยากจะพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีความสามารถในการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมและการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของพวกเขา
ยกตัวอย่างเช่น ร้านขนมโพรายะ ที่ขายวุ้นถั่วแดงมาตั้งแต่ 500 ปีที่แล้ว แต่ก็สามารถปรับตัวและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ขนมปังปิ้งใช้แยมถั่วแดง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ได้
ในขณะเดียวกัน พวกเขายังคงรักษาแก่นแท้ของธุรกิจ คือการทำสินค้าคุณภาพดีที่สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า แม้จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามกาลเวลา
นี่คือสิ่งที่คนไทยควรเรียนรู้ คือการแยกแยะระหว่างแก่นและเปลือกของธุรกิจ โดยเน้นการรักษาแก่นที่เป็นจุดแข็งขององค์กร แล้วค่อยปรับเปลือกให้ทันสมัยและตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นยืนหยัดอยู่ได้ คือการมีวิสัยทัศน์ระยะยาวและมุ่งเน้นการทำเพื่อส่วนรวม แทนการมุ่งเน้นกำไรเป็นหลัก
ผู้ประกอบการญี่ปุ่นมักจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายในการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด แต่จะมุ่งเน้นการรักษาธุรกิจให้อยู่รอดได้ในระยะยาว โดยไม่กลัวที่จะลงทุนในการพัฒนาองค์กรและสินค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ พวกเขายังมีความคิดที่ว่า การทำธุรกิจควรจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวม ไม่ใช่เพียงแค่การทำกำไรสูงสุดเพื่อตัวเอง ซึ่งแนวคิดนี้ช่วยให้พนักงานและลูกค้ารู้สึกผูกพันและร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ธุรกิจญี่ปุ่นที่มีอายุเกิน 100 ปี มีหลายปัจจัยที่ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งมั่นสั่งสม Know-how, การสืบทอดธุรกิจระหว่างรุ่น, การสร้างสมดุลระหว่างอนุรักษ์และปรับตัว และการมีวิสัยทัศน์ระยะยาวและทำเพื่อส่วนรวม
สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่ต้องการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืน โดยอาจนำแนวคิดและวิธีการบางส่วนมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/105625
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/105547
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live