ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หลายคนคุ้นชินกับมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ซึ่งเป็นโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินต่างๆ ริเริ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้บ้าน โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่มีการชำระค่างวดอย่างสม่ำเสมอ แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังคงไม่เอื้ออำนวย หลายคนจึงตั้งคำถามว่า "แล้วถ้าเราเป็นคนที่มีวินัยดีอยู่แล้ว เราจะได้รับความช่วยเหลือบ้างหรือไม่?"
เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามนี้ เศรษฐกิจติดบ้านกับดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ร่วมพูดคุยกับคุณสุธาทร สุทธิสนธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ถึงมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและประสิทธิภาพของมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย"
ท็อปเริ่มอธิบายว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา สถานการณ์การชำระหนี้ของลูกหนี้บ้านมีแนวโน้มที่ไม่ค่อยดีนัก "บ้านมักจะเป็นปัจจัย 4 ที่คนรู้สึกว่าจะต้องทิ้งเป็นอันดับสุดท้าย แต่ตัวเลขที่เราได้คุยกับศูนย์ข้อมูลออกมา กลับบ่งชี้ว่าคนเริ่มรู้สึกว่าหนี้บ้านนั้นไม่อยากจะทิ้ง แต่มันจะมีความจำเป็นต้องทิ้ง เพราะว่าด้วยมาตรการที่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น รายได้ที่มันปรับตัวไม่ทันตามค่าใช้จ่าย ทำให้เริ่มไม่ไหวแล้ว"
ท็อปยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ของ "sandwich generation" ซึ่งต้องดูแลทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกของตนเอง ทำให้รู้สึกว่าถ้าเกิดต้องแบกภาระเยอะๆ พวกเขาอาจจะยอมทิ้งบ้านเพื่อไปเช่าอยู่แทน เพื่อรักษาสถานภาพในครอบครัวและสภาพคล่องให้ดีขึ้น
จากข้อมูลที่ท็อปได้รับ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา (Q3) อัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 28% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ โดยปัญหาหลักจะอยู่ที่กลุ่มบ้านในราคา 1-3 ล้านบาท ที่เคยมีปัญหาผิดนัดชำระมาก่อน และถูกยึดไปหรือต้องคืนให้สถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีแนวโน้มที่กลุ่มบ้านในราคา 3-7 ล้านบาท จะเริ่มประสบปัญหามากขึ้น ไม่เพียงแค่ชนชั้นกลางที่มีรายได้ 50,000-80,000 บาทต่อเดือน แต่รวมถึงกลุ่มที่มีรายได้สูงกว่านั้นด้วย
เมื่อถามถึงประสิทธิภาพของมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ในการช่วยเหลือลูกหนี้บ้าน ท็อปมองว่าเป็นมาตรการที่ดีในระยะสั้น โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มที่เคยมีปัญหาผิดนัดชำระ แต่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีวินัยในการชำระหนี้ที่ดี
"ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการนี้ออกมาอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็น 3 ปี ปีแรก 50%, ปีที่สอง 70%, ปีที่สาม 90% ซึ่งทำให้คนที่เคยสะดุดมาบ้างรู้สึกว่ามีกำลังใจ เพราะว่ามันเข้าไปช่วยในเรื่องของภาระในการผ่อนต่อเดือนให้มันลดลง"
ท็อปอธิบายเพิ่มเติมว่า มาตรการนี้จะช่วยให้ลูกหนี้บ้านที่เคยมีปัญหาผิดนัดชำระสามารถกลับมาเป็นลูกหนี้ที่ดีได้ในอนาคต เนื่องจากพวกเขาจะได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีวินัยทางการเงินที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้พวกเขาสามารถเข้าถึงสินเชื่อใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ท็อปยังเน้นย้ำว่า มาตรการนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาในระยะสั้น ซึ่งต้องมีการติดตามดูแลในระยะยาวด้วย เพราะหนี้บ้านส่วนใหญ่มีระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนาน 25-35 ปี ดังนั้น หลังจากจบมาตรการแล้ว ลูกหนี้กลุ่มนี้จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ จึงเป็นอีกประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ
สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขของมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ท็อปแนะนำว่า หากมีโอกาสเข้าร่วมโครงการนี้ ควรทำอย่างไม่ลังเล เนื่องจากมาตรการนี้จะช่วยลดภาระค่างวดในระยะสั้น ทำให้มีสภาพคล่องมากขึ้น และยังเป็นโอกาสในการพิสูจน์ให้เห็นว่ามีวินัยทางการเงินที่ดี
นอกจากนี้ ท็อปยังแนะนำให้ลูกหนี้พยายามหาวิธีเพิ่มรายได้ด้วย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่น การหางานเสริม หรือการหาโอกาสในการลงทุน เป็นต้น
"ถ้าเกิดคุณเข้าโครงการนี้ไปแล้ว และสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณเป็นลูกหนี้ที่ดี คุณก็จะสามารถเข้าถึงสินเชื่อใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น และอาจจะมีโอกาสในการรีไฟแนนซ์บ้านในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้ภาระหนี้ของคุณเบาลง"
มาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" เป็นโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินริเริ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้บ้านที่กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยมีปัญหาผิดนัดชำระแต่มีวินัยทางการเงินที่ดี
แม้ว่ามาตรการนี้จะเป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้น แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับลูกหนี้ในการพิสูจน์ตัวเอง และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ และมีการวางแผนการเงินที่ดีควบคู่ไปด้วย
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/102052
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/91876
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หลายคนคุ้นชินกับมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ซึ่งเป็นโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินต่างๆ ริเริ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้บ้าน โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่มีการชำระค่างวดอย่างสม่ำเสมอ แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังคงไม่เอื้ออำนวย หลายคนจึงตั้งคำถามว่า "แล้วถ้าเราเป็นคนที่มีวินัยดีอยู่แล้ว เราจะได้รับความช่วยเหลือบ้างหรือไม่?"
เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามนี้ เศรษฐกิจติดบ้านกับดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ร่วมพูดคุยกับคุณสุธาทร สุทธิสนธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ถึงมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและประสิทธิภาพของมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย"
ท็อปเริ่มอธิบายว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา สถานการณ์การชำระหนี้ของลูกหนี้บ้านมีแนวโน้มที่ไม่ค่อยดีนัก "บ้านมักจะเป็นปัจจัย 4 ที่คนรู้สึกว่าจะต้องทิ้งเป็นอันดับสุดท้าย แต่ตัวเลขที่เราได้คุยกับศูนย์ข้อมูลออกมา กลับบ่งชี้ว่าคนเริ่มรู้สึกว่าหนี้บ้านนั้นไม่อยากจะทิ้ง แต่มันจะมีความจำเป็นต้องทิ้ง เพราะว่าด้วยมาตรการที่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น รายได้ที่มันปรับตัวไม่ทันตามค่าใช้จ่าย ทำให้เริ่มไม่ไหวแล้ว"
ท็อปยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ของ "sandwich generation" ซึ่งต้องดูแลทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกของตนเอง ทำให้รู้สึกว่าถ้าเกิดต้องแบกภาระเยอะๆ พวกเขาอาจจะยอมทิ้งบ้านเพื่อไปเช่าอยู่แทน เพื่อรักษาสถานภาพในครอบครัวและสภาพคล่องให้ดีขึ้น
จากข้อมูลที่ท็อปได้รับ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา (Q3) อัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 28% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ โดยปัญหาหลักจะอยู่ที่กลุ่มบ้านในราคา 1-3 ล้านบาท ที่เคยมีปัญหาผิดนัดชำระมาก่อน และถูกยึดไปหรือต้องคืนให้สถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีแนวโน้มที่กลุ่มบ้านในราคา 3-7 ล้านบาท จะเริ่มประสบปัญหามากขึ้น ไม่เพียงแค่ชนชั้นกลางที่มีรายได้ 50,000-80,000 บาทต่อเดือน แต่รวมถึงกลุ่มที่มีรายได้สูงกว่านั้นด้วย
เมื่อถามถึงประสิทธิภาพของมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ในการช่วยเหลือลูกหนี้บ้าน ท็อปมองว่าเป็นมาตรการที่ดีในระยะสั้น โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มที่เคยมีปัญหาผิดนัดชำระ แต่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีวินัยในการชำระหนี้ที่ดี
"ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการนี้ออกมาอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็น 3 ปี ปีแรก 50%, ปีที่สอง 70%, ปีที่สาม 90% ซึ่งทำให้คนที่เคยสะดุดมาบ้างรู้สึกว่ามีกำลังใจ เพราะว่ามันเข้าไปช่วยในเรื่องของภาระในการผ่อนต่อเดือนให้มันลดลง"
ท็อปอธิบายเพิ่มเติมว่า มาตรการนี้จะช่วยให้ลูกหนี้บ้านที่เคยมีปัญหาผิดนัดชำระสามารถกลับมาเป็นลูกหนี้ที่ดีได้ในอนาคต เนื่องจากพวกเขาจะได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีวินัยทางการเงินที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้พวกเขาสามารถเข้าถึงสินเชื่อใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ท็อปยังเน้นย้ำว่า มาตรการนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาในระยะสั้น ซึ่งต้องมีการติดตามดูแลในระยะยาวด้วย เพราะหนี้บ้านส่วนใหญ่มีระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนาน 25-35 ปี ดังนั้น หลังจากจบมาตรการแล้ว ลูกหนี้กลุ่มนี้จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ จึงเป็นอีกประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ
สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขของมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ท็อปแนะนำว่า หากมีโอกาสเข้าร่วมโครงการนี้ ควรทำอย่างไม่ลังเล เนื่องจากมาตรการนี้จะช่วยลดภาระค่างวดในระยะสั้น ทำให้มีสภาพคล่องมากขึ้น และยังเป็นโอกาสในการพิสูจน์ให้เห็นว่ามีวินัยทางการเงินที่ดี
นอกจากนี้ ท็อปยังแนะนำให้ลูกหนี้พยายามหาวิธีเพิ่มรายได้ด้วย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่น การหางานเสริม หรือการหาโอกาสในการลงทุน เป็นต้น
"ถ้าเกิดคุณเข้าโครงการนี้ไปแล้ว และสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณเป็นลูกหนี้ที่ดี คุณก็จะสามารถเข้าถึงสินเชื่อใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น และอาจจะมีโอกาสในการรีไฟแนนซ์บ้านในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้ภาระหนี้ของคุณเบาลง"
มาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" เป็นโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินริเริ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้บ้านที่กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยมีปัญหาผิดนัดชำระแต่มีวินัยทางการเงินที่ดี
แม้ว่ามาตรการนี้จะเป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้น แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับลูกหนี้ในการพิสูจน์ตัวเอง และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ และมีการวางแผนการเงินที่ดีควบคู่ไปด้วย
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/102052
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/91876
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live