ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลการประมาณการเศรษฐกิจของไทยมักจะเผชิญกับความท้าทายเรื่องอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายในการรักษาและยกระดับความน่าสนใจของเศรษฐกิจไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ มาลองสำรวจกันดูว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากอะไรได้บ้าง
หลังจากการเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในอดีต เศรษฐกิจไทยเคยมีการเติบโตในระดับสูงกว่า 4-5% ต่อปี แต่ในปัจจุบัน อัตราการขยายตัวของ GDP มักจะอยู่ที่ประมาณ 3% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าศักยภาพที่เคยมีมาก่อน การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบระยะสั้นอาจไม่เพียงพอ หากแต่ต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
ในช่วงหลัง ๆ จะพบว่านักลงทุนต่างชาติมักจะเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่กลับมองข้ามประเทศไทย ซึ่งยังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมเก่าอย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก อุตสาหกรรมเหล่านี้กำลังค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลง และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ส่งผลให้ไทยขาดเสน่ห์ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่บั่นทอนความน่าสนใจของเศรษฐกิจไทย เช่น ปัญหาทางการเมืองที่ไม่นิ่ง ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่สูงและมีสัดส่วนหนี้ไม่มีหลักประกันที่สูงเช่นกัน ซึ่งสะท้อนถึงความยากลำบากของประชาชนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะเติบโตได้
ดังนั้น เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสน่ห์และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ จำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงการกระตุ้นระยะสั้น โดยต้องมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของคนและการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาเติบโตได้เต็มตามศักยภาพ หรือมากกว่านั้นในอนาคต
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/watch/0dEyqU
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/101648
ชมย้อนหลังรายการ "เศรษฐกิจติดบ้าน" ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Economics101
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลการประมาณการเศรษฐกิจของไทยมักจะเผชิญกับความท้าทายเรื่องอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายในการรักษาและยกระดับความน่าสนใจของเศรษฐกิจไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ มาลองสำรวจกันดูว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากอะไรได้บ้าง
หลังจากการเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในอดีต เศรษฐกิจไทยเคยมีการเติบโตในระดับสูงกว่า 4-5% ต่อปี แต่ในปัจจุบัน อัตราการขยายตัวของ GDP มักจะอยู่ที่ประมาณ 3% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าศักยภาพที่เคยมีมาก่อน การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบระยะสั้นอาจไม่เพียงพอ หากแต่ต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
ในช่วงหลัง ๆ จะพบว่านักลงทุนต่างชาติมักจะเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่กลับมองข้ามประเทศไทย ซึ่งยังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมเก่าอย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก อุตสาหกรรมเหล่านี้กำลังค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลง และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ส่งผลให้ไทยขาดเสน่ห์ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่บั่นทอนความน่าสนใจของเศรษฐกิจไทย เช่น ปัญหาทางการเมืองที่ไม่นิ่ง ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่สูงและมีสัดส่วนหนี้ไม่มีหลักประกันที่สูงเช่นกัน ซึ่งสะท้อนถึงความยากลำบากของประชาชนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะเติบโตได้
ดังนั้น เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสน่ห์และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ จำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงการกระตุ้นระยะสั้น โดยต้องมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของคนและการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาเติบโตได้เต็มตามศักยภาพ หรือมากกว่านั้นในอนาคต
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/watch/0dEyqU
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/101648
ชมย้อนหลังรายการ "เศรษฐกิจติดบ้าน" ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Economics101