ฉนวนกาซา เป็นพื้นที่ขนาดเล็กเพียง 350 ตารางกิโลเมตร แต่กลับเป็นจุดยุทธศาสตร์และศูนย์กลางความขัดแย้งสำคัญของโลกมานานกว่า 80 ปี ย้อนกลับไปในปี 1947 องค์การสหประชาชาติได้มีมติให้แบ่งดินแดนปาเลสไตน์ออกเป็น รัฐยิวและรัฐอาหรับ โดยกาซาถูกกำหนดให้เป็น ส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ แต่หลังจากที่อิสราเอลประกาศเอกราชในปี 1948 ก็เกิดสงครามขึ้น และนำไปสู่หายนะของชาวปาเลสไตน์ (Nakba) ที่ทำให้ประชากรจำนวนมากต้องลี้ภัยออกจากบ้านเกิดของตนเอง
ย้อนกลับไปในปี 1947 องค์การสหประชาชาติได้มีมติให้แบ่งดินแดนปาเลสไตน์ออกเป็น รัฐยิวและรัฐอาหรับ โดยกาซาถูกกำหนดให้เป็น ส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ แต่หลังจากที่อิสราเอลประกาศเอกราชในปี 1948 ก็เกิดสงครามขึ้น และนำไปสู่หายนะของชาวปาเลสไตน์ (Nakba) ที่ทำให้ประชากรจำนวนมากต้องลี้ภัยออกจากบ้านเกิดของตนเอง ส่วนกาซาตกอยู่ภายใต้การปกครองของ อียิปต์ จนกระทั่งสงครามหกวันในปี 1967 เมื่ออิสราเอลเข้ายึดครองพื้นที่
นับแต่นั้นมา ฉนวนกาซากลายเป็นจุดขัดแย้งทางการเมืองและความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อกลุ่มฮามาสเข้าควบคุมพื้นที่ในปี 2005 และทำสงครามหลายครั้งกับอิสราเอล นำไปสู่การปิดล้อมฉนวนกาซาจากทั้งอิสราเอลและอียิปต์ เปลี่ยนให้ดินแดนนี้กลายเป็น "คุกกลางแจ้ง" ที่มีประชากรมากกว่า 2 ล้านคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
สถานการณ์ทุกอย่างกับย่ำแย่ลง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอล คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก และจับตัวประกันไว้ 251 คน อิสราเอลจึงตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ ทำให้ประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนต้องพลัดถิ่น และกาซากลายเป็นซากปรักหักพัง หลังจากสงครามดำเนินมา 15 เดือน ในที่สุดก็มีการทำข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2025
แผนการนี้ทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางเดือดพล่านขึ้นในทันที และกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของ ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ
ข้อเสนอให้สหรัฐฯ เข้ายึดครองฉนวนกาซา และเปลี่ยนให้เป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยผลักดันให้ชาวปาเลสไตน์ อพยพออกจากดินแดนของตนเอง แผนการนี้ของทรัมป์ทำให้ นานาชาติตกตะลึงและไม่พอใจ ผู้นำของ จอร์แดนและอียิปต์ รีบออกมาปฏิเสธข้อเสนอนี้ทันที พร้อมย้ำว่า จะไม่มีทางรับชาวปาเลสไตน์ที่ถูกบังคับอพยพออกจากกาซา และเตือนว่าการกระทำดังกล่าว จะทำให้ตะวันออกกลางเข้าสู่ภาวะวิกฤตหนักกว่าเดิม
สำหรับประชาชนชาวปาเลสไตน์ แผนของทรัมป์เปรียบเสมือน "นัคบาครั้งที่สาม" หรือ การถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเป็นครั้งที่สาม ในประวัติศาสตร์ของพวกเขา หลังจากเกิดขึ้นมาแล้วในปี 1948 และ 1967
ปัจจุบันชาวปาเลสไตน์ในกาซาต้องใช้ชีวิตในฐานะพลัดถิ่นในประเทศ คนรุ่นเก่าหลายคนยังคง เก็บกุญแจบ้านที่เคยอยู่ในอิสราเอลก่อนปี 1948 หวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะได้กลับไป
ทว่าในวันนี้ สิทธิ์ในการอยู่บนแผ่นดินของตัวเองกำลังถูกพรากไปอีกครั้ง จากปี 1948 มาจนถึงวันนี้ วันที่สงครามได้ทำลายทุกสิ่งจนย่อยยับ ฉนวนกาซาก็ยังคงเป็นพื้นที่แห่งความขัดแย้งของอุดมการณ์และผลประโยชน์ทางการเมือง ที่ย่ำแย่กว่านั้นคือ ชาวกาซากว่าสองล้านคนยังคงต้องพลัดถิ่นและใช้ชีวิตบนคุกกลางแจ้งที่มีแต่ความไม่แน่นอน
ติดตามได้ ในรายการ FLASHPOINT จุดร้อนโลก ตอน ฉนวนกาซา ประวัติศาสตร์การพลัดถิ่น วันพุธที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 21.30 - 21.55 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
ฉนวนกาซา เป็นพื้นที่ขนาดเล็กเพียง 350 ตารางกิโลเมตร แต่กลับเป็นจุดยุทธศาสตร์และศูนย์กลางความขัดแย้งสำคัญของโลกมานานกว่า 80 ปี ย้อนกลับไปในปี 1947 องค์การสหประชาชาติได้มีมติให้แบ่งดินแดนปาเลสไตน์ออกเป็น รัฐยิวและรัฐอาหรับ โดยกาซาถูกกำหนดให้เป็น ส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ แต่หลังจากที่อิสราเอลประกาศเอกราชในปี 1948 ก็เกิดสงครามขึ้น และนำไปสู่หายนะของชาวปาเลสไตน์ (Nakba) ที่ทำให้ประชากรจำนวนมากต้องลี้ภัยออกจากบ้านเกิดของตนเอง
ย้อนกลับไปในปี 1947 องค์การสหประชาชาติได้มีมติให้แบ่งดินแดนปาเลสไตน์ออกเป็น รัฐยิวและรัฐอาหรับ โดยกาซาถูกกำหนดให้เป็น ส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ แต่หลังจากที่อิสราเอลประกาศเอกราชในปี 1948 ก็เกิดสงครามขึ้น และนำไปสู่หายนะของชาวปาเลสไตน์ (Nakba) ที่ทำให้ประชากรจำนวนมากต้องลี้ภัยออกจากบ้านเกิดของตนเอง ส่วนกาซาตกอยู่ภายใต้การปกครองของ อียิปต์ จนกระทั่งสงครามหกวันในปี 1967 เมื่ออิสราเอลเข้ายึดครองพื้นที่
นับแต่นั้นมา ฉนวนกาซากลายเป็นจุดขัดแย้งทางการเมืองและความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อกลุ่มฮามาสเข้าควบคุมพื้นที่ในปี 2005 และทำสงครามหลายครั้งกับอิสราเอล นำไปสู่การปิดล้อมฉนวนกาซาจากทั้งอิสราเอลและอียิปต์ เปลี่ยนให้ดินแดนนี้กลายเป็น "คุกกลางแจ้ง" ที่มีประชากรมากกว่า 2 ล้านคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
สถานการณ์ทุกอย่างกับย่ำแย่ลง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอล คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก และจับตัวประกันไว้ 251 คน อิสราเอลจึงตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ ทำให้ประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนต้องพลัดถิ่น และกาซากลายเป็นซากปรักหักพัง หลังจากสงครามดำเนินมา 15 เดือน ในที่สุดก็มีการทำข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2025
แผนการนี้ทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางเดือดพล่านขึ้นในทันที และกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของ ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ
ข้อเสนอให้สหรัฐฯ เข้ายึดครองฉนวนกาซา และเปลี่ยนให้เป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยผลักดันให้ชาวปาเลสไตน์ อพยพออกจากดินแดนของตนเอง แผนการนี้ของทรัมป์ทำให้ นานาชาติตกตะลึงและไม่พอใจ ผู้นำของ จอร์แดนและอียิปต์ รีบออกมาปฏิเสธข้อเสนอนี้ทันที พร้อมย้ำว่า จะไม่มีทางรับชาวปาเลสไตน์ที่ถูกบังคับอพยพออกจากกาซา และเตือนว่าการกระทำดังกล่าว จะทำให้ตะวันออกกลางเข้าสู่ภาวะวิกฤตหนักกว่าเดิม
สำหรับประชาชนชาวปาเลสไตน์ แผนของทรัมป์เปรียบเสมือน "นัคบาครั้งที่สาม" หรือ การถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเป็นครั้งที่สาม ในประวัติศาสตร์ของพวกเขา หลังจากเกิดขึ้นมาแล้วในปี 1948 และ 1967
ปัจจุบันชาวปาเลสไตน์ในกาซาต้องใช้ชีวิตในฐานะพลัดถิ่นในประเทศ คนรุ่นเก่าหลายคนยังคง เก็บกุญแจบ้านที่เคยอยู่ในอิสราเอลก่อนปี 1948 หวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะได้กลับไป
ทว่าในวันนี้ สิทธิ์ในการอยู่บนแผ่นดินของตัวเองกำลังถูกพรากไปอีกครั้ง จากปี 1948 มาจนถึงวันนี้ วันที่สงครามได้ทำลายทุกสิ่งจนย่อยยับ ฉนวนกาซาก็ยังคงเป็นพื้นที่แห่งความขัดแย้งของอุดมการณ์และผลประโยชน์ทางการเมือง ที่ย่ำแย่กว่านั้นคือ ชาวกาซากว่าสองล้านคนยังคงต้องพลัดถิ่นและใช้ชีวิตบนคุกกลางแจ้งที่มีแต่ความไม่แน่นอน
ติดตามได้ ในรายการ FLASHPOINT จุดร้อนโลก ตอน ฉนวนกาซา ประวัติศาสตร์การพลัดถิ่น วันพุธที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 21.30 - 21.55 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live